พศ.เผย “เจ้าคุณอาชว์” ลาสิกขาอย่างเป็นทางการ ยังไม่ชี้ชัดสาเหตุ แต่เบื้องต้นไม่พบผิดปกติในทรัพย์สินวัด ขณะเดียวกัน ป.ป.ป.-ป.ป.ท.-ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วม ด้านข้อมูลจากตำรวจระบุอดีตพระอาจตกเป็นเหยื่อหญิงสาวพฤติกรรมซ้ำรอย “ทิดแย้ม” อ้างท้อง-แบล็กเมล์ ก่อนปล่อยคลิปลับจนต้องสึก พศ.จ่อเชิญพระที่เคยถูกหลอกให้ข้อมูลเพื่อเตือนภัยพระทั่วประเทศ
วันนี้ (1 ก.ค. 2568) ความคืบหน้ากรณี พระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ และเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) ได้ลาสิกขาอย่างเป็นทางการ โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบทรัพย์สินของวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีการยักยอกทรัพย์โดยอดีตเจ้าอาวาสหรือไม่
กรณีนี้มีความคล้ายคลึงกับคดีอดีตพระชื่อดัง “ทิดแย้ม” ที่เคยถูกหญิงสาวกล่าวอ้างว่าตั้งครรภ์และเรียกเงินค่าเลี้ยงดูลูกเป็นจำนวน 7.6 ล้านบาท ก่อนความจริงจะปรากฏว่าเป็น “ท้องทิพย์” และนำไปสู่การปล่อยคลิปลับขณะอยู่ในโรงแรมจนต้องลาสิกขา
ล่าสุด นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า พศ.ได้รับหนังสือแจ้งลาสิกขาจากเจ้าคุณอาชว์แล้ว แต่ยังไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด อย่างไรก็ตาม จากการร่วมตรวจสอบเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่วัดตรีทศเทพ ยังไม่พบความผิดปกติด้านบัญชีหรือทรัพย์สินของวัดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน พระพรหมวชิรรังษี ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ ได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกับพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศ วัดตรีทศเทพ และมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อเร่งตรวจสอบบัญชีวัดอย่างละเอียดต่อไป
นายอินทพรยังกล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับและคลิปต่างๆ ที่เผยแพร่ ไม่ปรากฏพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศหรือเสพเมถุนโดยตรง แต่เชื่อว่าเจ้าคุณอาชว์อาจตกเป็นเหยื่อหญิงสาวที่มีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะ “นารีพิฆาต” ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าหญิงรายเดียวกันนี้เคยทำให้พระต้องลาสิกขามาแล้วถึง 2 รูป โดยหนึ่งในนั้นเป็นพระนักธรรมชั้นสูงที่สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค
พศ.จึงเตรียมเชิญชวนพระสงฆ์ที่เคยตกเป็นเหยื่อการแบล็กเมล์หรือหลอกลวงให้ลาสิกขา มาให้ข้อมูลเพื่อจัดทำฐานข้อมูลและหามาตรการป้องกันภัยในอนาคต พร้อมทั้งเตรียมเผยแพร่แนวทางเตือนภัยไปยังคณะสงฆ์ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก