"ฮุนเซน" แฉเอง "ทักษิณ" ไม่ได้ป่วยจริง แต่แกล้งป่วยเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย เปยตอนที่ตนเข้าพบ เมื่อต้นปี 67 แกล้งเอาปลอกคอปลอกแขนมาสวมตอนที่ถ่ายรูปเท่านั้น เพื่อตบตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย ย้ำเคยช่วยตระกูลชินวัตรหลายครั้งแต่ถูกทรยศ จึงต้องนำเรื่องนี้มาเปิดเผย
เช้าวันนี้(27 มิ.ย.) นายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวปราศรัยต่อสมาชิกสภาเทศบาล สภาเขต และสภาเทศบาลจังหวัดพระวิหาร จำนวน 464 คน ณ ห้องประชุมจังหวัดพระวิหาร ตอนหนึ่ง ว่า นายทักษิณ ชินวัตร แกล้งป่วยหลายโรค เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย เพราะนั้นทักษิณมีคดีในศาลหลายคดี เคยแกล้งป่วยเพื่อหลบเลี่ยงศาล
นายฮุนเซนกล่าวว่า ในวันที่เขาเข้าพบนายทักษิณ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 67 นั้น นายทักษิณไม่ได้ป่วย แต่เมื่อถ่ายรูปคู่กับตนกลับเอาชุดผู้ป่วยมาสวม เพื่อหลอกสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย
"ทักษิณไม่ป่วยเลย ผมบินไปเยี่ยม เมื่อถึงเวลาถ่ายรูป ก็เอาอุปกรณ์ (ปลอกแขนและปลอกคอ) มาสวม แล้วถอดออก จากนั้นก็ไปกินข้าว ตอนแรกผมนึกว่าทักษิณป่วย แต่พอไปถึงกลับไม่ป่วยเลย เรียกว่าแกล้งป่วย ทั้งทักษิณและแพทองธาร ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ขาดความซื่อสัตย์ทั้งคู่”
นายฮุนเซนกล่าวว่าตอนเข้าพบนายทักษิณแรกๆ นั้นไม่รู้เลยว่าจะแกล้งป่วย เหตุที่เพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่ามีคุณธรรม ตอนนั้นจึงยังไม่เปิดเผย และที่มาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่าลูกสาวของนายทักษิณ นายกฯ ไทย เป็นคนไม่มีคุณธรรม
นายฮุนเซนกล่าวว่า “ผมเป็นคนมีคุณธรรม และผมจะไม่ทรยศใครก่อน ผมยินดีที่จะถูกทรยศก่อน ตอนนี้พวกเขาได้ทรยศผมแล้ว”
นายฮุนเซนกล่าวว่าได้ช่วยเหลือตระกูลของทักษิณหลายครั้ง จนกระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย แต่ในทางกลับกัน เขาไม่ได้รับการกตัญญูใดๆ กลับคืน และนายกรัฐมนตรีไทยได้ทรยศต่อเขา ซึ่งทำให้เขาต้องต่อสู้กับผู้ที่ทรยศต่อเขาในอดีต เพื่อประโยชน์ของประชาชนกัมพูชาและอธิปไตยของชาติ
นายฮุนเซนกล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รอดพ้นการจับกุมในประเทศไทย ก็เพราะเดินทางออกนอกประเทศผ่านกัมพูชาไปสิงคโปร์ ด้วยหนังสือเดินทางกัมพูชา ด้วยการสนับสนุนจากนายฮุนเซนเอง และสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงที่ปลอดภัยแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณทั้งน้ำตา พร้อมกันนั้น นายฮุนเซนยังได้ขอโทษที่โกหกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปที่ไหน
นายฮุนเซนกล่าวว่า “ผมขอแจ้งให้ประชาชนชาวไทยทราบว่า ผมไม่ได้ถือว่าประเทศไทยเป็นศัตรู และผมก็ไม่ได้ถือว่าคนไทยเป็นศัตรู แต่ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงเช่นกัน ถ้าพวกท่านมองว่าผมเป็นศัตรู ผมก็ต้องถือว่าพวกท่านเป็นศัตรูด้วย”
“ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นชาวเขมรหรือชาวต่างชาติ หากพวกเขามองว่าผมเป็นศัตรู ผมก็ไม่มีทางเลือก เพราะพวกเขาไม่ให้ทางเลือกที่สามแก่ผม” นายฮุนเซนกล่าว
ส่วนกรณีเสียงสนทนาระหว่างนายฮุนเซนกับนายกฯ ไทย ที่หลุดออกมานั้น นายฮุนเซนเผยว่า การรั่วไหลดังกล่าวไม่ใช่เจตนาของตน แต่เป็นเพราะระดับผู้นำกัมพูชาคนอื่นๆ ที่โกรธแค้นฝ่ายไทย จึงได้นำการสนทนาดังกล่าวออกมาเผยแพร่ สาเหตุที่ทางกัมพูชาโกรธเคืองก็เพราะฝ่ายไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา และปิดพรมแดนฝ่ายเดียว และกล่าวหากัมพูชาในเรื่องนี้
ส่วนเสียงที่บันทึกเอาไว้ นายฮุนเซนอ้างว่าเพื่อเป็นหลักฐาน เพราะนายกฯ ไทยเคยหลอกลวงตนมาแล้วครั้งหนึ่ง “เคยถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงต้องบันทึกไว้” นายฮุนเซนกล่าว
นายฮุนเซนกล่าวย้ำว่ากัมพูชาพร้อมที่จะทำให้สถานการณ์ชายแดนและการค้ากับไทยเป็นปกติเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย แต่นายกฯ แพทองธารของไทยไม่น่าจะทำได้
นายฮุนเซนบอกว่า ประเทศไทยควรทำงานกับกัมพูชาเหมือนยุคสมัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในยุคนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทยเปรียบเสมือนการเดินบนพรมแดง ไม่มีการขัดแย้งหรือโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ การปราศรัยของนายฮุนเซนได้จบลงเมื่อเวลาประมาณ 11.40 น.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง