xs
xsm
sm
md
lg

เด็กไทยเผชิญไซเบอร์บูลลี่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก! สสส.ผนึกภาคีเร่งสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สสส. สภาดิจิทัลฯ ยูนิเซฟ และภาคีเครือข่ายกว่า 30 องค์กร ผนึกกำลังจัดงาน "Stop Cyberbullying Day 2025" หรือ "วันหยุดไซเบอร์บูลลี่สากล 2568" ชูแนวคิด "เคารพกันทั้งบนจอและต่อหน้า" เพื่อปลุกสังคมให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์บูลลี่ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในยุค AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กไทยที่มีอัตราการถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก งานนี้ยังได้ จอห์น รัตนเวโรจน์ และ เป๊ก ผลิตโชค มาร่วมรณรงค์ สร้างความตระหนักและขับเคลื่อนการแก้ไขอย่างเป็นระบบ มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์ และผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สังคมดิจิทัลปลอดภัยอย่างยั่งยืน

ม.ร.ว.นงคราญ ชมพูนุท ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ และภาคีเครือข่าย ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม และสร้างวัฒนธรรมพลเมืองดิจิทัลที่ดีให้กับเด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง เนื่องจากปัญหาไซเบอร์บูลลี่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน โดยเน้นย้ำถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงว่า กลุ่มเด็กไทยที่ถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์มีอัตราสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก นอกจากนั้น เด็กและเยาวชนไทยยังคงเผชิญกับการกลั่นแกล้งในหลากหลายรูปแบบ เช่น การส่งรูป คลิป วิดีโอ ข้อความที่สร้างความอับอาย การโพสต์ข้อมูลส่วนตัว และการข่มขู่ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและผลกระทบอันรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ และสังคม ดังนั้น กิจกรรมในวันนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะได้ ร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์ และขับเคลื่อนแนวทางป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ เพื่อร่วมสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ จุมพล รอดคำดี ประธานเครือข่ายเสริมสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัยประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากกว่า 30 องค์กร ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมโดยมีสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และทรู ดิจิทัล พาร์ค เป็นภาคีเครือข่ายหลักที่ร่วมกันผลักดันให้งานมีความเข้มแข็งและขยายผลในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ และพร้อมใจกันร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขอย่างเป็นระบบงานนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ของสังคมต่อปัญหา การกลั่นแกล้งระรานทางไซเบอร์ (Cyberbullying) โดยเฉพาะในบริบทของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อาจเพิ่มความรุนแรงและซับซ้อนของปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม และสร้างวัฒนธรรมความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่รับผิดชอบและเคารพสิทธิของผู้อื่น นอกจากนี้ยังมุ่งเปิดพื้นที่ให้ภาคส่วนต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและแนวทางการป้องกันภัยออนไลน์อย่างบูรณาการ รวมถึงสนับสนุนให้เยาวชนได้แสดงพลังสร้างสรรค์ ผ่านนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง

นางญาณี รัชต์บริรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์อย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติ โดยได้สนับสนุนการปรับปรุงกฎหมายไทยให้ทันต่อความเสี่ยงในยุคดิจิทัล เช่น การผลักดันกฎหมายป้องกันและปราบปรามการล่อลวงเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทางออนไลน์ (Online Grooming) และการกลั่นแกล้งระรานทางไซเบอร์ (Cyberbullying) ซึ่งขณะนี้ได้รับความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา พร้อมกันนี้ สสส. ยังเดินหน้าสนับสนุนการป้องกันเชิงรุก

หนุนเสริมขับเคลื่อนเมืองรู้เท่าทันสื่ออย่างต่อเนื่องใน 10 จังหวัด พัฒนาระบบสนับสนุนเครือข่ายสหวิชาชีพในจังหวัดให้สามารถทำงานคุ้มครองเด็กในกรณีภัยออนไลน์ได้อย่างมีมาตรฐาน การประกาศเจตนารมณ์เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้พร้อมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันและสุขภาวะดิจิทัล (Digital Wellbeing) พัฒนาแกนนำเยาวชนด้านการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล ให้เป็นนักสื่อสารสุขภาวะที่เป็นพลังสำคัญในการสื่อสารและเฝ้าระวังภัยออนไลน์ในพื้นที่ของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม

นางเซเวอรีน ลีโอนาร์ดิ รองผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า การกลั่นแกล้งและการแสวงประโยชน์จากเด็กในโลกออนไลน์เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน การรับมือกับปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถพึ่งพาเพียงเทคโนโลยีได้ แต่จำเป็นต้องใช้แนวทางแบบองค์รวมที่ครอบคลุม ทั้งการมีกฎหมายและนโยบายที่มีประสิทธิภาพ ระบบสนับสนุนที่เข้มแข็ง การส่งเสริมทักษะความรู้เท่าทันดิจิทัล และที่สำคัญที่สุดคือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายของเด็กและเยาวชน เราต้องรับฟังเสียงของพวกเขา เข้าใจประสบการณ์ของพวกเขา และเสริมพลังให้พวกเขาเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในสังคมยุคดิจิทัล


กำลังโหลดความคิดเห็น