"ฮุ่ยวัน" ไม่ใช่บริษัทฟินเทค แต่คือระบบการทำธุรกรรมการเงินของมิจฉาชีพในเอเชีย และกำลังขยับขยายกลายเป็นระบบชำระเงินใต้ดินในระดับโลก เป็นแบงก์ใต้ดินของโลกอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเบื้องหลังคือ "ตระกูลฮุน" ที่ครองอำนาจปกครองในกัมพูชา
ในขณะที่ผู้คนกำลังพูดถึงปราสาทพูดถึงดินแดน ในอีกมุมหนึ่งของประเทศกัมพูชา ธุรกิจฟอกเงินข้ามชาติกำลังทำเงินมหาศาล โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน
ชื่อที่คนไทยยังไม่รู้จัก แต่อาจจะได้ยินไปอีกนานคือ ฮุ่ยวัน (Huione) หรือ ฮุ่ยวั่ง (汇旺) ในภาษาจีนกลาง
นี่คือกลุ่มบริษัทการเงินจากกัมพูชาที่เพิ่งถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาในข้อกล่าวหา ฟอกเงินให้กับแก๊งอาชญากรทั่วเอเชีย รวมถึงแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ ที่อยู่เบื้องหลังคดีล้วงข้อมูล การแฮก และอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก
รายงานจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุชัดว่า นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา “กลุ่มฮุ่ยวัน” ของกัมพูชาดำเนินการฟอกเงินไปแล้วกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 130,000 ล้านบาท แต่ถ้านับตั้งแต่เริ่มกิจการในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน “กลุ่มฮุ่ยวัน” มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมผิดกฎหมายถึง 98,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท
“กลุ่มฮุ่ยวัน” เป็นตลาดมืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก บน Telegram โดยข้อมูลจาก New York Times และบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Elliptic บอกว่า “ฮุ่ยวัน” คือธุรกิจฟอกเงินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกอาชญากรรมออนไลน์ ตั้งแต่หลอกลงทุน เว็บพนันออนไลน์ ค้ากามออนไลน์ ค้ามนุษย์ รวมถึงยาเสพติด โอนเงินให้แฮกเกอร์ ไปจนถึงทุกอย่าง
“ฮุ่ยวัน” มีบริการกระเป๋าเงินคริปโต ชื่อว่า “ฮุ่ยวัน เปย์ (Huione Pay)” เปิดบัญชีโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน รับเงินจากเหยื่อได้ทันทีแบบไม่ต้องเจอหน้า ไม่มีเอกสาร ใช้เหรียญปลอมชื่อ Stablecoin เช่น USDH หรือ USDX เพื่อหลบการตรวจสอบ โอนเงินข้ามประเทศในเวลาไม่ถึง 3 นาที แถมยังรับฝากบัญชีให้แก๊งมิจฉาชีพ เช่น ถ้าใครจะเปิดเว็บหลอกลงทุนก็มาเช่ากระเป๋าจาก “ฮุ่ยวัน” ได้เลย เพราะนี่คือระบบฟอกเงินแบบครบวงจร
Elliptic ยังพบว่าใน Telegram มีบริการขายบัญชีการยืนยันตัวตน หรือ KYC ปลอม ขายเหรียญปลอม และมี bot เชื่อมกับระบบฮุ่ยวัน โดยตรงเมื่อเหยื่อโอนเงิน ระบบ Telegram จะส่งข้อความยืนยันแบบอัตโนมัติ ทุกอย่างเป็นอุตสาหกรรมฟอกเงิน ที่ไม่ต้องใช้เอกสาร ไม่มีการตรวจสอบ และรวดเร็วที่สุดในโลก มีคนใช้มากเกือบล้านบัญชี และหมุนเวียนมากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นเงินไทยก็คือ กว่า 360,000 ล้านบาท
“ฮุ่ยวัน” คือธุรกิจภายในครอบครัวของ “ตระกูลฮุน” โดยข้อมูลจาก New York Times ระบุว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มฮุ่ยวัน” คือ นายฮุนโต หลานชายของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน
นายฮุนโตเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายกรัฐมนตรี ฮุนมาเนต และเป็นผู้มีอำนาจโดยพฤตินัยในระบบเศรษฐกิจของกัมพูชา ในประเทศกัมพูชาไม่มีธุรกิจใหญ่ระดับนี้ที่ไม่ใช่ของครอบครัวฮุน
“กลุ่มฮุ่ยวัน” มีบริษัทลูกมากกว่า 100 แห่งกระจายอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่พนมเปญ สีหนุวิลล์ และปอยเปต พวกเขาใช้ไทยเป็นจุดผ่านเงินจำนวนมหาศาล โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
มีการตรวจพบเบอร์โทรศัพท์ในกลุ่ม Telegram ที่ใช้รับโอนเงินจากเหยื่ออยู่ในไทย พบเส้นทางการโอนเงินที่ไหลเข้าบัญชีไทยหลายครั้ง แต่ไทยไม่เคยเอ่ยชื่อ “ฮุ่ยวัน” ในเอกสารทางการแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่น่าสงสัยคือทำไมเรื่องนี้จึงยังหรือมีผลประโยชน์แอบแฝง ที่ทำให้ทางการไทยไม่สามารถพูดชื่อนี้ออกมาได้?
บางฝ่ายวิเคราะห์ว่าประเทศไทยอาจถูกใช้เป็นเหยื่อล่อกลบข่าวกรณีดินแดนไทย-เขมร ให้สังคมหันไปสนใจเรื่องปราสาท ในขณะที่ “ฮุ่ยวัน” ยังดำเนินการฟอกเงินสกปรกต่อไป
“ฮุ่ยวัน” ไม่ใช่แค่บริษัทฟินเทค แต่คือ ระบบการทำธุรกรรมการเงินของมิจฉาชีพในเอเชีย และกำลังขยับขยายกลายเป็นระบบชำระเงินใต้ดินในระดับโลก เป็นแบงก์ใต้ดินของโลกอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเบื้องหลังก็คือตระกูลฮุนที่ครองอำนาจการปกครองอยู่ในกัมพูชา
คำถามก็คือกลุ่มไหนในเมืองไทยเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้? ใครอยู่เบื้องหลังเครือข่ายนี้ในประเทศเรา? และเราจะปล่อยให้ระบบฟอกเงินสีเทานี้เติบโตต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้หรือ?
ข้อมูลจากรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568