xs
xsm
sm
md
lg

ตกลงก๊อปไม่ก๊อป? ชาวเน็ตเขมรพากันงง วธ.กัมพูชาเคยบอกวัดภูม่านฟ้าไม่เหมือนนครวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวเน็ตเขมรเสียงแตก หลังกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาออกมาประณามวัดภูม่านฟ้าว่าสร้างเลียนแบบนครวัด ฝ่ายหนึ่งงง ไหนเมื่อก่อนมาตรวจสอบแล้วบอกไม่ได้ก๊อป ส่วนอีกฝ่ายบอกตอนนั้นเพิ่งสร้าง ยังเห็นไม่ชัด แต่ตอนนี้ชัดแล้ว ยุฟ้องศาลโลกข้อหาเลียนแบบวัฒนธรรมเขมรโดยไม่ได้รับอนุญาตและให้สั่งทุบทิ้ง

ดร.เฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชา ได้กล่าวในระหว่างการประชุมทางเทคนิคครั้งที่ 40 ของคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์แห่งนครวัด (ICC-Angkor/Sambor Prei Kuk) ที่จัดขึ้นในเสียมราฐ เมื่อวันที่ 19-20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประณามอย่างรุนแรงต่อการสร้างวัดภูม่านฟ้า ที่ จ.บุรีรัมย์ ว่าเป็นการเลียนแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของนครวัด ละเมิดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณด้านมรดกของเขมรอย่างร้ายแรง พร้อมอ้างว่านครวัดได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ถือเป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของมรดกทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และศิลปะของกัมพูชา เจ้าหน้าที่กัมพูชาถือว่าการลอกเลียนแบบสถาปัตยกรรมของนครวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการละเมิดคุณค่าสากลและความถูกต้องแท้จริงของนครวัด (อ่านข่าว>>https://mgronline.com/travel/detail/9680000058376)


สื่อมวลชนกัมพูชาได้นำเสนอข่าวดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ทั้งทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียต่างๆ ขณะที่ความเห็นของชาวกัมพูชาต่อกรณีนี้ได้แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าก่อนหน้านี้กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาเคยมาตรวจสอบแล้ว และได้ประกาศให้ประชาชนชาวกัมพูชาทราบว่าวัดภูม่านฟ้าไม่ได้สร้างเลียนแบบนครวัด แต่วันนี้กลับบอกว่าเลียนแบบ พร้อมตำหนิกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาว่าทำงานเชื่องช้า เหมือนเพิ่งตื่นนอน


ขณะที่ชาวกัมพูชาอีกฝ่ายหนึ่งมองว่าก่อนหน้านี้การก่อสร้างยังไม่คืบหน้าอาจจะยังไม่ชัดเจนว่าเลียนแบบหรือไม่ แต่ตอนนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่าเลียนแบบ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ข้อหาลอกเลียนแบบวัฒนธรรมกัมพูชาแล้วให้สั่งทุบทิ้ง


ตัวอย่างความเห็นของชาวกัมพูชาในเพจเฟซบุ๊กของสำนักข่าว Fresh News เช่น

Suong Savuth : “เพิ่งตื่นเหรอ เขาสร้างเกือบจะเสร็จแล้ว เมื่อก่อนคณะกรรมการตรวจสอบของกัมพูชาก็ไปตรวจสอบและออกประกาศแจ้งประชาชนว่ารูปแบบไม่เหมือนกับปราสาทนครวัด แต่ตอนนี้พวกเขากลับบอกว่าแบบก่อสร้างและรูปแบบเหมือนกับปราสาทนครวัด”

ความเห็นของ Suong Savuth มีผู้มาตอบกลับ เช่น Na Lylin บอกว่า “ตอนนั้นมันยังไม่ชัดเจน หลักฐานก็ยังไม่มากพอ เราถึงไม่กล้าฟ้องเขา กลัวเขาฟ้องกลับ คุณกำลังเยาะเย้ยรัฐบาลเขมรหรือ พวกเขาทำแบบนั้น พวกเขาทำตามกฎหมาย พวกเขาทำตามเงื่อนไข พวกเขาไม่ได้ทำเพราะแค้นเคือง”


ขณะที่ Roeun Thai Naraketya ตอบกลับ Suong Savuth ว่า “กลยุทธ์ของพวกเขา (เจ้าหน้าที่กัมพูชา) คือไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น รอให้ทำให้เสร็จแล้วค่อยตลบหลัง (ฟ้องตอนสร้างเสร็จดีกว่าฟ้องตอนกำลังสร้าง) หลังจากสร้างเสร็จแล้วเท่านั้นถึงจะดูออกว่าลอกเลียนแบบหรือเปล่าได้ (ใช้เหยื่อล่อจับปลาตัวใหญ่) พวกเขามองไกลมาก”

ส่วน Roeun Thai Naraketya ก็ได้ตอบกลับ Suong Savuth ว่า “สรุปคือต้องศึกษากฎหมายให้ชัดเจน รอให้มีหลักฐานออกมาว่าเป็นนครวัดหรือเปล่า เราต้องมีหลักฐานที่ปฏิเสธได้ รอให้เขาทำให้เสร็จก่อนจึงค่อยยื่นฟ้อง จะได้มีน้ำหนัก”

ด้าน Sim So Daroth ได้ตอบกลับ Suong Savuth ว่า “หากไม่ชัดเจนแต่แรกว่าเหมือนกันหรือไม่ ก็ไม่ถูกต้องที่จะฟ้องพวกเขา หากใกล้เคียงพอ หากคล้ายกับของเรามากเกินไป เรามีสิทธิเต็มที่ที่จะฟ้องในระดับนานาชาติ”

ขณะที่ Heng Heng บอกว่า “แล้วเมื่อก่อนล่ะ มันไม่ตลกเหรอ”

ส่วน Vannyroth Kheang บอกว่า “นอนเพิ่งตื่นเหรอ เมื่อก่อนบอกว่าไม่ได้ก๊อป ตอนนี้บอกว่าก๊อป ตามไม่ทันเลย”

ด้าน Sum Nan และ Sok Dyrogen ให้ความเห็นเหมือนกัน บอกว่า “ถ้าเป็นไปได้ให้ฟ้อง ICJ เลย เพราะลอกเลียนแบบวัฒนธรรมเขมรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

Heng Ty บอกว่า “ผมไม่เข้าใจ ครั้งก่อนบอกว่าไม่ได้ลอก คราวนี้บอกว่าลอก”

Sambo Vatana BN บอกว่า “เพิ่งตื่นจากหลับเหรอ คราวก่อนบอกว่าแบบมันไม่เกี่ยวกับนครวัด แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น”

Chhon Chanthea บอกว่า “ก่อนหน้านี้ก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ก๊อปปี้ แล้วตอนนี้เพิ่งรู้ว่าโดนก๊อปปี้ แล้วจะเอาผิดทางกฎหมายกับพวกเขาได้อย่างไร”

Muy Kroem HR บอกว่า “ตอนอยู่ที่กระทรวงก็บอกว่าส่งช่างมาดูถึงหน้างานก่อสร้าง แล้วบอกว่าไม่ได้ก๊อปปี้เขมรเลย ขอให้เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาบอกว่ามันต่างกัน แปลว่ามันพังแล้วเหรอ ตอนนี้เขาทำเกือบเสร็จแล้วก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่ดีกว่าหรือ”


เมื่อปี 2564 กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ กัมพูชา ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบวัดภูม่านฟ้าแล้ว หลังจากนั้นได้ออกเอกสารแถลงข่าว ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 เรื่องการก่อสร้างปราสาทหินในจังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย ความว่า
กระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมมีเกียรติที่จะแจ้งให้สาธารณชนทราบว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมได้ติดต่อและให้ความร่วมมือกับสถานทูตกัมพูชาประจำราชอาณาจักรไทยผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม โดยสถานทูตกัมพูชาได้ดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ดังนี้

1. ปราสาทหินแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทหินหลายแห่งที่เป็นสถานที่สักการบูชาพระพุทธรูป ตั้งอยู่ในวัดพระพุทธบาทศิลา บ้านหนองบัวราย ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย โครงสร้างภายนอกทำด้วยหินทราย ส่วนภายในเป็นคอนกรีต

2. โดยการชี้แจงและนำเสนอเอกสาร แผนผัง และสิ่งก่อสร้าง เจ้าอาวาสวัดยืนยันว่าการก่อสร้างวัดแห่งนี้ไม่ได้ลอกเลียนแบบหรือก่อสร้างตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับนครวัดหรือวัดโบราณใดๆ ในกัมพูชา กล่าวคือ ก่อสร้างตามแบบของตนเองและออกแบบตามสถาปัตยกรรมของวัดบางแห่งในพื้นที่

3. ผู้แทนผู้ประสานงานโครงการก่อสร้างวัดยังยินดีรับคำขอจากผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมกัมพูชาให้เข้าไปตรวจสอบด้วยตนเองในกรณีที่มีข้อสงสัย

กระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความใส่ใจในการปกป้องและส่งเสริมศักดิ์ศรี เอกลักษณ์ประจำชาติ และศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติอย่างมีศักดิ์ศรีมาโดยตลอด กระทรวงฯ จะดำเนินการและติดตามการดำเนินงานนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป ข้อมูลข้างต้นนี้เพื่อแจ้งให้สาธารณชนทราบ


กำลังโหลดความคิดเห็น