พล.อ.ต.ณรงค์ชัย คงแก้ว อดีตนายทหารอากาศผู้คร่ำหวอดด้านระบบสื่อสาร โพสต์วิเคราะห์สถานการณ์คลิปเสียงนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ชี้ชัดไม่ใช่การ "ขายชาติ" แต่คือความพยายามบ่อนทำลายความสามัคคีของชาติ เตือนประชาชนใช้เหตุผลเหนืออารมณ์
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. พล.อ.ต.ณรงค์ชัย คงแก้ว (เสธ.แก้ว) อดีตนายทหารอากาศผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสื่อสาร ซึ่งเกษียณอายุราชการมาได้กว่าสองปี ได้ออกมาแสดงทัศนะส่วนตัวเกี่ยวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กับสมเด็จฮุนเซน โดยยืนยันหนักแน่นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คือ "สงครามจิตวิทยา" ที่มุ่งหวังสร้างความแตกแยกภายในประเทศ
พล.อ.ต.ณรงค์ชัยอธิบายว่า การปล่อยคลิปเสียงโดยเฉพาะในช่วง 7 นาทีแรกที่มีการเลือกตัดต่อบางช่วงบางตอนที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจคนไทย และมีการอ้างถึง "แม่ทัพภาค" อย่างจงใจนั้น ไม่สามารถเป็นอื่นใดได้นอกจากความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศไทย ที่ต้องการให้รัฐบาลและกองทัพเกิดความบาดหมาง ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อเปิดทางให้ง่ายต่อการแทรกแซง ยุยง ปลุกปั่น ซึ่งน่าเสียดายที่ความพยายามดังกล่าวได้ "ทำสำเร็จ" ในระดับหนึ่ง
"คลิปเสียง กับการตีความที่เกินจริง"
อดีตนายทหารอากาศท่านนี้กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่อง "นายกณ ขายชาติ" ว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหาคลิปเสียงอย่างละเอียดแล้ว กลับพบว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่คำสั่งให้ถอนทหาร ไม่ใช่การยอมยกดินแดน และไม่มีข้อความใดที่เข้าข่ายการ "ขายชาติ" ตามข้อกล่าวหาที่หนักหน่วง
"สิ่งที่ได้ยินคือการสนทนาเชิงประนีประนอม ที่อาจ 'อ่อนหัดทางการทูต' ไปบ้าง ไม่เฉียบคมอย่างที่สังคมคาดหวัง แต่ก็ไม่ถึงกับ 'ทรยศต่อผลประโยชน์ชาติ' อย่างที่บางฝ่ายพยายามชี้นำให้คนเชื่อ" พล.อ.ต.ณรงค์ชัยกล่าว
พล.อ.ต.ณรงค์ชัยได้ยกหลักพิชัยสงครามของซุนวู ที่ว่า "การชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการชนะโดยไม่ต้องรบ" มาอธิบายเพิ่มเติม โดยชี้ให้เห็นว่า หากฟังคลิปเสียงอย่างถ่องแท้ จะพบความพยายามของผู้นำไทยที่จะทำความเข้าใจฝ่ายตรงข้าม หยั่งเชิงความคิด และสร้างพื้นที่การเจรจา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนตามแนวชายแดน ซึ่งนี่คือการ "รู้เขา" เพื่อ "รู้เรา" ก่อนที่จะเปิดศึก
ยอมรับว่าบทสนทนาในคลิปเสียงนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีบางช่วงที่ฟังแล้วระคายหู ดูขาดความสุขุม และในแง่ของกาลเทศะ หรือการเตรียมตัว นายกฯ ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอย่างมากในฐานะผู้นำประเทศที่ควรวางน้ำหนักคำพูดอย่างรอบคอบ แต่สิ่งเหล่านี้ "ไม่ใช่อาชญากรรม"
"สิ่งที่ผิดพลาดในคลิปนี้ คือการตัดสินใจเจรจาแบบไม่ปรึกษาทีมยุทธศาสตร์ คือการพูดในโทนที่อาจทำให้คนฟังรู้สึกว่าอ่อนข้อคือภาษากายและน้ำเสียงที่ไม่สะท้อนความมั่นคงของภาวะผู้นำ...แต่ไม่ใช่ 'การขายชาติ' อย่างที่บางคนรีบตัดสิน" พล.อ.ต.ณรงค์ชัยกล่าวย้ำ
เขายืนยันว่าตลอดคลิปไม่พบคำพูดใดที่แสดงว่าไทยจะยกพื้นที่ ยุติการป้องกัน หรือยอมอ่อนข้อแบบไม่มีเงื่อนไข มีเพียงคำพูดในลักษณะ "พูดดีไว้ก่อน" เพื่อประคองสถานการณ์ หากมีการกล่าวหาว่า "ขายชาติ" จริง ก็อยากให้ผู้กล่าวหาชี้ชัดว่าประโยคนั้นอยู่ตรงไหน
"ติเพื่อก่อครับ!" ใช้เหตุผลไม่ใช่อารมณ์
พล.อ.ต.ณรงค์ชัยเห็นว่าข้อเรียกร้องที่สมเหตุสมผลคือ "ให้ปรับปรุง" ไม่ใช่ "ตัดหัว" ประชาชนมีสิทธิ์เต็มที่ในการตำหนิ วิจารณ์ และเรียกร้องให้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำที่ดีกว่านี้ เราต้องการผู้นำที่รอบคอบ สุขุม มั่นคง ไม่ต้องเกรงใจเกินเหตุเมื่อคุยกับต่างประเทศ แต่ทั้งหมดนี้ควรอยู่ในกรอบของเหตุผล ไม่ใช่การด่าทอจนเกินความเป็นจริง
"เราสามารถ 'เรียกร้องให้ปรับปรุง' โดยไม่ต้อง 'กระโดดข้ามขั้นไปประหารทางการเมือง'" เขากล่าว
พล.อ.ต.ณรงค์ชัยเชื่อว่าคลิปเสียงครั้งนี้ควรเป็นบทเรียนและนำไปสู่การพัฒนาทั้งตัวบุคคลและระบบที่รองรับการต่างประเทศในรัฐบาล แต่มันไม่ควรเป็นอาวุธปลุกระดมเพื่อดึงการเมืองไทยกลับเข้าสู่วงจรความเกลียดชังอีกครั้ง เพราะเราสามารถมี "ผู้นำที่ผิดพลาด" โดยไม่ต้องรีบดึงข้อหาว่าเขาคือ "ศัตรูของชาติ"
"สงครามจิตวิทยา" เพียงเพิ่งเริ่มต้น
ในท้ายที่สุด พล.อ.ต.ณรงค์ชัยได้ทิ้งท้ายด้วยความเชื่อที่ว่า "สงครามจิตวิทยา" ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และจะยังคงมีความพยายามอีกมากมายที่จะสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ไม่ว่าจะเป็นระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ หรือรัฐบาลกับประชาชน
"สิ่งสำคัญที่สุดคือ กองทัพ รัฐบาล ประชาชน จะต้องหนักแน่น และรู้ว่าเรากำลังเผชิญอยู่กับ 'สงครามจิตวิทยา' ที่เราจะสามารถชนะได้โดยง่ายเพียงแค่เรา 'รู้เท่าทันศัตรู'" พล.อ.ต.ณรงค์ชัย คงแก้ว กล่าวพร้อมความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ.