เพจ “พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร” เปิดไทม์ไลน์ให้เห็นชัดๆ ทุกยุครัฐบาลไม่ว่าฝ่ายใด ล้วนมีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้กัมพูชา ผ่านข้อตกลง MOU และการไม่แสดงท่าทีปกป้องผลประโยชน์ไทยอย่างหนักแน่น พร้อมเรียกร้องให้ภาคประชาชนจับตาและลุกขึ้นเรียกร้องความโปร่งใส ก่อนจะสูญเสียอธิปไตยมากกว่านี้
วันนี้ (19 มิ.ย.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก “พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร” เผยคลิปวิเคราะห์ลำดับเหตุการณ์เชิงลึก พร้อมเปิด Timeline ฉบับเต็ม เจาะทุกยุครัฐบาลไทย ตั้งแต่สมัย “ชวน หลีกภัย” เรื่อยมาจนถึง “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” พร้อมประณามว่าทุกขั้วการเมือง “ปันใจให้เขมร” ปล่อยผลประโยชน์ซ้อนทับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาแบบต่อเนื่อง โดยเฉพาะปมอื้อฉาวจากข้อตกลง MOU ปี 2543 และ 2544 ที่นำไปสู่การสูญเสียอธิปไตยและพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เริ่มจากรัฐบาลชวน หลีกภัย ที่เป็นผู้ลงนามใน MOU ปี 2543 โดยอ้างว่าไทยได้ยอมรับ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” ที่กัมพูชานำมาใช้เป็นหลักฐาน แทนที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ซึ่งเป็นมาตรฐานฝ่ายไทย จนนำไปสู่การปักหมุดผิดพลาดตามแนวชายแดนตั้งแต่บัดนั้น
ต่อมา รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 ได้เดินหน้า MOU ฉบับใหม่ ครอบคลุมการลากเส้นเขตแดนทางทะเล ซึ่งถูกมองว่าเปิดทางให้กัมพูชาแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน ขัดหลักน่านน้ำสากล และยังเชื่อมโยงกับการแปรรูป ปตท.และการลงทุนด้านพลังงานของกลุ่มทุนที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดรัฐบาลไทยในยุคนั้น
เมื่อมาถึงยุค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คลิประบุว่าเป็นช่วงที่ “วีระ สมความคิด” ถูกจับกุมโดยทางการกัมพูชา บริเวณที่อ้างว่าเป็น “ดินแดนไทย” เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 โดยไม่มีความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีชื่อ “นายประศาสน์” ซึ่งเคยเป็นทูตไทยที่ตั้งโดยทักษิณ เข้ามามีบทบาทในการเจรจา JBC (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา) และถูกระบุว่าเป็นผู้ผลักดันให้วีระติดคุกถึง 8 ปี
ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไทยไม่คัดค้านคำตัดสินของศาลโลกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ที่ระบุให้ไทยต้องถอนทหารจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร และยืนยัน “อธิปไตยกัมพูชา” เหนือบริเวณดังกล่าว โดยไม่มีการดำเนินการทักท้วงใดๆ จากฝ่ายไทย
กระทั่งถึงยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังไม่สามารถยกเลิก MOU 43 และ 44 ได้ ทั้งที่ครองอำนาจนานถึง 8 ปี โดยยังมีประเด็นการสร้าง “บ่อนสายตะกู” ในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
ล่าสุด เมื่อรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นบริหาร เพจดังชี้ว่ากัมพูชาภายใต้ “ฮุนเซน” กลับแสดงท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้น พร้อมทั้งเผยความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตระกูลชินวัตรกับกลุ่มธุรกิจพลังงานในกัมพูชา ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับการจัดวางบุคคลในตำแหน่งเจรจาสำคัญอย่าง “นายประศาสน์” ที่เคยเป็นทูตไทยในอดีต กลับมามีบทบาทในคณะ JBC อีกครั้ง