xs
xsm
sm
md
lg

กรมสุขภาพจิตเตือน ภาวะ Political Stress Syndrome เครียดเพราะการเมือง แนะ 5 วิธีรับมือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมสุขภาพจิตเตือนประชาชนระวังอาการเครียดจากสถานการณ์การเมือง หรือ Political Stress Syndrome (PSS) พร้อมแนะใช้ 5 วิธีดูแลใจ

วันนี้ (19 มิ.ย.) กรมสุขภาพจิตแจ้งเตือนประชาชนระวังอาการเครียดจากสถานการณ์การเมือง หรือ Political Stress Syndrome (PSS) ซึ่งส่งผลทั้งทางกาย ใจ และความสัมพันธ์ ขอให้ใช้สติรับฟังข้อมูลอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงถ้อยคำรุนแรง และดูแลใจด้วย 5 วิธี คือ รู้เท่าทันอารมณ์ จำกัดเวลาติดตามข่าว ดำรงชีวิตสมดุล เคารพความคิดเห็นที่หลากหลาย และพักผ่อน ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม

นายแพทย์ กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย ประชาชนจำนวนไม่น้อยจึงเกิดภาวะความเครียดจากสถานการณ์ดังกล่าว หรือที่เรียกว่า Political Stress Syndrome (PSS) ซึ่งแม้จะมิใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง แต่เป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์และจิตใจที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ติดตามข่าวสารทางการเมืองอย่างใกล้ชิด หรือมีแนวโน้มเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน จนทำให้เกิดอาการทั้งทางร่างกาย จิตใจ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยมีลักษณะสำคัญ 3 ด้าน คือ

1. อาการทางร่างกาย ได้แก่ อาการปวดตึงบริเวณขมับหรือต้นคอ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น นอนไม่หลับ หรือมีอาการแน่นท้อง

2. อาการทางจิตใจ เช่น ความหงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว เบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หรือหมกมุ่นกับข้อมูลทางการเมืองจนเกิดความเครียด

และ 3. ปัญหาทางพฤติกรรม เช่น การโต้แย้งหรือโต้เถียงโดยใช้อารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัว หรืออาจถึงขั้นใช้ความรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์

ดังนั้น ประชาชนจึงควรมีสติในการรับฟังข้อมูลอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบจากการแสดงความคิดเห็นหรือใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เพราะแม้เจตนาจะเป็นการสื่อสารข้อเท็จจริง แต่หากขาดความระมัดระวังอาจก่อให้เกิดความเกลียดชังและทำให้สถานการณ์มีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น

นายแพทย์ กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า การสื่อสารในโลกปัจจุบันโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ หากขาดการยั้งคิดและเต็มไปด้วยถ้อยคำรุนแรง อาจก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่

1. ผู้พูดหรือผู้ส่งสาร หากใช้อารมณ์มากกว่าสติ อาจใช้ถ้อยคำหมิ่นประมาทหรือยั่วยุโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ความขัดแย้งลุกลาม

2. ผู้ฟังหรือผู้รับสาร หากได้รับข้อมูลที่รุนแรงอาจรู้สึกไม่พอใจ เครียด หรือวิตกกังวลจนกระทบสุขภาพจิต

และ 3. ผู้คนในสังคม หากการสื่อสารในวงกว้างขาดความระมัดระวังและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ก็อาจทำให้เกิดบรรยากาศของความตึงเครียดและรู้สึกว่าสังคมไม่น่าอยู่ พร้อมแนะนำให้ใช้ 5 วิธีดูแลใจ ได้แก่
1. รู้เท่าทันอารมณ์ขณะเสพข่าว
2. จำกัดเวลาในการติดตามข่าวสาร
3. ทำกิจวัตรประจำวันให้สมดุล ไม่ละเลยหน้าที่ 
4. เคารพความคิดเห็นที่หลากหลายโดยเปิดใจรับฟัง และ 5. ให้เวลากับการพักผ่อนและผ่อนคลายความเครียด เช่น นอนให้พอ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ หรือฝึกหายใจคลายเครียด

ทั้งนี้ หากพบว่าอาการเครียดมีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น ขอให้รีบขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ณ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323




กำลังโหลดความคิดเห็น