xs
xsm
sm
md
lg

"ปราชญ์ สามสี" สวนฮุนเซน! แจงเหตุผลทำไมไทยไม่ยอมขึ้นศาลโลกฝ่ายเดียว ยันปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่กลัวศาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจ “ปราชญ์ สามสี” ออกมาฟาดกลับประเด็นร้อน “ประเทศไม่รับอำนาจศาลโลกคือโจรจริงหรือ?” ยืนยันประเทศไทยไม่กลัวความยุติธรรม แต่จะไม่ยอมให้ใครใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือทางการเมืองลากขึ้นเวทีฝ่ายเดียว พร้อมชี้ประเทศมหาอำนาจกว่า 120 ชาติก็ไม่ได้ยอมรับอำนาจ ICJ โดยสมบูรณ์เช่นกัน ย้ำ! การไม่ยอมรับศาลโลกคือการปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงความถูกต้อง

วันนี้ (18 มิ.ย.) เพจ “ปราชญ์ สามสี” ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นร้อนที่ว่า “ประเทศที่ไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ล้วนเป็น ‘โจร’ จริงหรือ?” โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยไม่เคยกลัวความยุติธรรม แต่จะไม่ยอมให้ใครใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อลากขึ้นเวทีฝ่ายเดียว

โพสต์ดังกล่าวได้ตั้งคำถามถึงคำกล่าวของนายฮุนเซน อดีตผู้นำกัมพูชาที่ระบุว่า “มีแต่โจรที่กลัวศาล” ซึ่งกำลังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่นกระแสทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพยายามนำข้อพิพาทชายแดนเข้าสู่การพิจารณาของ ICJ

“ปราชญ์ สามสี” ชี้แจงว่า จากข้อมูลของศาลโลก มีเพียง 74 ประเทศจาก 195 ประเทศทั่วโลกเท่านั้นที่สมัครใจยอมรับเขตอำนาจของ ICJ โดยสมบูรณ์ ขณะที่อีกกว่า 120 ประเทศที่เหลือ รวมถึงมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย และอินเดีย ยังไม่ยอมรับเขตอำนาจนี้ การเหมารวมว่าชาติเหล่านี้ “กลัวศาล” จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

ทั้งยังเน้นย้ำว่า การที่ประเทศไทยใช้สิทธิปฏิเสธการเข้าสู่เวทีศาลระหว่างประเทศ หากยังไม่มีข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นธรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกในเวทีโลก เนื่องจาก ICJ เองก็พิจารณาคดีภายใต้หลัก “ความยินยอมของคู่กรณี”

ที่สำคัญ ประเทศไทยไม่ได้ปฏิเสธการเจรจาหรือปิดประตูทางการทูต แต่ยึดหลักการเจรจาเป็นแนวทางหลักมาโดยตลอด หากอีกฝ่ายยังคงเดินหน้าเข้าสู่ศาลโลกฝ่ายเดียว โดยที่ยังไม่มีบันทึกความเข้าใจร่วม (MOU) การยอมรับโดยไม่รอบคอบอาจกลายเป็นการ “เปิดประตูให้การเมืองแทรกแซงความยุติธรรม”

“ปราชญ์ สามสี” สรุปว่า การไม่ยอมรับศาลในกรณีนี้คือการปกป้องอธิปไตย ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงความถูกต้อง และประเทศไทยจะไม่ยอมให้ใครใช้เวทีโลกเป็นสนามกดดันผ่านคำพูดเพียงลำพัง โดยย้ำว่าประเทศไทยมีเหตุผล มีหลักการ และมีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะเลือกแนวทางของตนเอง บนพื้นฐานของความเท่าเทียม ไม่ใช่ภายใต้แรงกดดันจากคำพูดที่ปราศจากน้ำหนักทางกฎหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น