xs
xsm
sm
md
lg

แฉทหารเลวบางนายรับส่วยแก๊งค้าของเถื่อน ปล่อยเขมรยึดที่ดินชาวบ้านป่าไร่ ลึกเข้ามาในเขตไทยร่วม 2 กิโลเมตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดอีกความจริงที่บ้านน้อยป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เขมรบุกมายึดที่ดินที่ทำกินมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนอพยพออกไปเพราะเขมรแดงบุกเข้ามาฆ่าในปี 2520 แล้วกลับเข้าไปไม่ได้อีกเลย เพราะโดนเขมรยึด อ้าง MOU 43 โดยมีทหารเลวบางนายที่รับส่วยจากขบวนการขนของเถื่อน กันไม่ให้ชาวบ้านกลับเข้าไป ฝากแม่ทัพภาคที่ 1 ลงมาดูข้อเท็จจริง ช่วยชาวบ้านให้ได้ที่ดินทำกินกลับคืน และป้องกันไม่ให้ไทยเสียแดน



รายการชัดเจนเปลี่ยน by สภากาแฟ ทางช่อง news1 วันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้พาตัวแทนชาวบ้านจากบ้านน้อยป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นำโดยนายชาตรี เขียนโพธิ์ อดีตสารวัตรกำนันตำบลบ้านไร่ มาให้ข้อมูลกรณีกัมพูชาบุกรุกเขตแดนไทย เข้ามาแย่งยึดที่ดินของชาวบ้านซึ่งมีเอกสารสิทธิเป็น น.ส.2 และใกล้จะออกโฉนดแล้ว แต่ขณะนี้ไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตนเองได้


พื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้หลักเขตที่ 47 และ 48 ชาวบ้านอาศัยทำกินมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะถูกย้ายออกมาในปี 2520 เนื่องจากมีเขมรแดงเข้ามาฆ่าชาวบ้านคนไทยถึง 32 ศพ พร้อมเผาบ้านเรือนชาวบ้านเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2520 จึงต้องอพยพชาวบ้านออกมา หลังจากนั้นประมาณ 1 ปีได้ให้กลับเข้าไปใหม่ แต่ยังไม่ถึงชายแดนห่างเป็นกิโลเมตร เนื่องจากว่ายังไม่ปลอดภัยมีกับระเบิด จนในปี 2532 กองทัพบกได้ขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ เนื่องจากตรงนั้นถูกประกาศเป็นป่าสงวนเมื่อปี 2507 จึงไปขอใช้จากกรมป่าไม้เพื่อสร้างเป็นหมู่บ้านกันชนตามแนวชายแดน หรือเรียกว่าหมู่บ้านป้องกันตัวเอง คือหมู่ที่ 8 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาขณะนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปทํากินได้ ขณะที่ชาวเขมรเข้ามายึดครองทั้งเกษตรกร ลูกหลานทหารเขมรเต็มไปหมด ล้ำเข้ามาถึงถนน 3446 หรือถนนศรีเพ็ญ


โดยเฉพาะหลังจากมี MOU 2543 ทางฝั่งประเทศไทยเราห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตราย แต่ทางฝั่งเขมรเขาไม่ฟัง ถึงแม้ว่าจะประกาศ MOU 43 แล้วก็จริง เขาก็ยังรุกนำประชาชนเข้ามาทํามาหากินในพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อก่อนคนไทยเคยเข้าไปทํากินถึงหนองผักขม ปัจจุบันนี้เป็นของเขมรไปแล้ว ทั้งๆ ที่ว่าประชาชนคนไทยเคยเข้าไปทํากินในพื้นที่ตรงนั้น


ทั้งนี้ หลังจากมี MOU 2543 ข้อตกลงคือจะต้องไม่มีฝั่งหนึ่งฝั่งใดบุกรุก แต่เขาเข้าไปได้ ขณะที่เราเข้าไม่ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิอยู่ เราเข้าไปไม่ได้เพราะว่ามีข้อตกลงอยู่ แต่ทหารไทยปล่อยเขมรเข้ามาได้

ปัญหาดังกล่าวเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโคกสูง อำเภออรัญประเทศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน และไม่เพียงเท่านั้น เขมรได้อ้างแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ในการเข้ามาในแผ่นดินไทยตอดแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่ 1 ที่ช่องสะงํา จังหวัดอุบลราชธานี อ้างเข้ามาทุกจังหวัด 7 จังหวัดตลอดแนวชายแดน ระยะทาง 798 กิโลเมตร ที่จังหวัดสระแก้ว อําเภออรัญประเทศ เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง แต่จริงๆ เขมรยึดตลอดแนวชายแดนแล้ว บริเวณอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ส่วนใหญ่เป็นหน้าผาไต่มายึดไม่ได้ แต่พอที่ราบแถวสระแก้วไม่เหลือเลย ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าไปทำ MOU ทำไม เดิมก็มีหลักเขตอยู่แล้ว ปักปันเขตแดนไว้แล้วตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส มีหลักเขตอยู่ แต่พอมี MOU ที่ดินชาวบ้านหายไปเป็นกิโลเมตร


ด้านนายวีระกล่าวว่า ในพื้นที่บ้านไร่ อ.อรัญประเทศนั้น หลังจากย้ายชาวบ้านออกมาในปี 2520 ทหารก็ดูแลพื้นที่ตลอด และปี 2532 ก็ขอใช้พื้นที่ตั้งเป็นหมู่บ้านเพื่อความมั่นคง ทําสัญญาเช่ากับกรมป่าไม้แต่ไม่ได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว ทําสัญญาเช่า 30 ปี ตั้งแต่ปี 2532-2562 ชาวบ้านก็เข้าไม่ได้

"แต่ตลอดเวลานี้ตั้งแต่ปี 2532 ถึงปี 2562 ปรากฏว่ามีทหารเลวบางนายแต่ดันเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ ไปหาประโยชน์กับเขมรในพื้นที่ที่ทหารดูแล ไปเปิดจุดขนของเถื่อน ขนของหนีภาษีใช่ไหม นี่แหละที่ทําให้อ้างว่าไม่ให้ชาวบ้านเข้า เพราะเขากลัวว่าเดี๋ยวถ้าชาวบ้านกลับไปเขาออกของเถื่อนกันไม่ได้ นี่คือความจริง"


“คือเราก็ไม่ได้ว่าทหารเลวทุกนาย แต่ต้องยืนยันว่ามันมีทหารเลวบางนาย เพราะผมดําเนินคดี คือผมดําเนินคดีเมื่อปี 66 นี้เอง ผมไปดําเนินคดีกับทหารไทยเนี่ยนะครับ ที่ไปหาประโยชน์แล้วก็ไม่ช่วยชาวบ้าน ปล่อยให้ทหารเขมร ตชด.เขมรมันเข้ามาแย่งมารังแกคนไทย ผมก็เลยต้องไปแจ้งความนะเอาผิดทหาร”

“มันขนของเถื่อนจนรวยเป็นร้อยล้าน แล้วมันก็ถูกจับ แล้วผมเนี่ยเป็นคนไปดําเนินคดีนะส่งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าทหารจับทหารกัน โดยที่มันจับกันเพื่อเปลี่ยนนะ เอาไอ้นี่ออกแล้วมันก็ไปกินแทน มันรวยกันเป็นร้อยล้าน ในพื้นที่ซีกในนั้น ทหารยศแค่ร้อยเอกเนี่ยมันรวยเป็นร้อยล้าน แล้วมันไม่ยอมย้ายไปไหน” นายวีระกล่าว


ขณะที่ตัวแทนชาวบ้านเล่าว่าสิ่งที่เจ็บใจยิ่งกว่าก็คือ ชาวบ้านเข้าไปในที่ดินของตัวเองไม่ได้ จะพาเจ้าหน้าที่เข้าไปรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนดก็ทำไม่ได้ เพราะมีทหารเขมร มี ตชด.911 ของเขมรเข้ามาขวาง ทั้งๆ ที่อยู่เลยเขตแดนเข้ามาถึง 3 กิโลเมตร เลยเส้นตาม MOU เข้ามาด้วยซ้ำ และเหมือนเขมรรู้ว่าวันไหนจะมีเจ้าหน้าที่รังวัดมา ไม่รู้ว่ามีไส้ศึกไปบอกหรือเปล่า ยกกำลังมาพร้อมอาวุธเลย

“ผมถึงบอกว่ามันมีไส้ศึกนะที่เป็นข้าราชการเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ตรงนั้นน่ะ คอยรายงานเขมร เจ้าหน้าที่ที่มันหาประโยชน์โดยมิชอบเนี่ย มันก็จะไม่ยอมให้ชาวบ้านไปออกโฉนด เพราะถ้าชาวบ้านไปออกโฉนดชาวบ้านก็จะกลับไปทํามาหากินตรงนั้นแล้วพวกมันก็จะไปออกของเถื่อนไม่ได้ ก็เพราะชาวบ้านก็จะรู้เห็นหมดน่ะสิ”


"วันนั้นที่มันเข้ามาแล้วก็ผู้ใหญ่บ้านต้องไปเจรจา (วันที่ 5 ธันวาคม 2565) ผมไปดําเนินคดีด้วยนะ ผมไปแจ้งความให้ตํารวจสรุปสํานวนภายใน 30 วันส่ง ป.ป.ช. ปรากฏว่า ป.ป.ช.เรานี่ก็แย่มากเลย ป.ป.ช.ไม่กล้าไปตรวจทหารไทยที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ก็ส่งกลับมาให้ตํารวจคลองลึกตาม ตํารวจคลองลึกมันก็ไม่กล้าไปจับทหารไทย ตอนนี้ก็สรุปขนของเถื่อนนะ ก็สรุปสํานวนเรียบร้อยแล้วบอกว่าไม่พบผู้กระทําความผิด หลักฐานชัดขนาดนี้มันบอกไม่พบผู้กระทําความผิด"


“ผมก็พยายามทําหน้าที่ช่วยชาวบ้านอย่างเต็มที่แล้ว ผมก็ทําเต็มที่ตั้งแต่เขามาร้องพวกผมเนี่ย ตั้งแต่ปี 2562 หลังจากที่ครบกําหนดให้ทหารคืนพื้นที่ให้ป่าไม้และชาวบ้านจะได้กลับเข้าไปอยู่ แต่ปรากฏว่าก็ยังกลับเข้าไปไม่ได้ นี่ชาวบ้านก็ต้องมาร้องเรียนผมว่าให้ไปตรวจดูซิว่าป่าไม้กับทหารปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ทําไมถึงไม่คืนที่ดินให้ชาวบ้านเขาสักทีหนึ่ง”

นายวีระกล่าวฝากไปถึงแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า อยากจะให้รีบดําเนินการตรวจสอบเรื่องที่พวกเรานํามาเปิดเผยในวันนี้ ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อให้ติดต่อมาที่ตนหรือติดต่อมาทางรายการนี้ พวกเราพร้อมที่จะพาไปดูของจริงทั้งหมด

"แล้วเรื่องจริงทั้งหมดนะ หลักฐานการที่ทหารของกองกําลังบูรพา 10 กว่านายที่ถูกจับกรณีที่ไปทุจริตเก็บส่วยเรื่องก็ยังอยู่นะ แต่กองทัพก็ปิดข่าวกันนะ กองกําลังบูรพาปิดข่าวกันนะครับ แต่หลักฐานเรามีนะ หลักฐานของผมมีนะครับ ถ้ากองทัพภาคที่ 1 นะครับ อยากจะเคลียร์เรื่องเลวระยําเหล่านี้ ติดต่อมาเลยนะครับ เราพร้อมที่ร่วมมือ จัดการเก็บกวาดไอ้เรื่องเลวๆ พวกนี้ให้หมดไปจากแผ่นดินไทยเสียที"


“ลุงพล” ฝากถึงแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า “กระผมในนามชาวบ้านน้อยป่าไร่อยากจะขอให้ท่านช่วยเหลือเรื่องที่ดินที่มีเอกสารสิทธิทํากินในหมู่บ้านน้อยป่าไร่ และขอให้ท่านตรวจสอบพื้นที่ในเขตหมู่บ้านของท่านในเขตประเทศเรา จากสระยางถึงหนองไผ่เล็กแล้วก็หนองหินสี่เหลี่ยม หรือหนองสระสี่เหลี่ยม หนองไผ่ใหญ่ หนองผักขม ต่างๆ เหล่านี้ที่อยู่ในประเทศไทย ตอนนี้ที่ผมเห็นคือเขมรเข้ามาอยู่เต็มแนวไปหมดแล้ว จะมีใครทําอย่างไรถึงจะได้ผืนแผ่นดินไทยเรากลับคืน ใครจะเป็นผู้รักษาอธิปไตยครับ”

ด้านนายชาตรีกล่าวว่า “อยากจะฝากแม่ทัพภาคที่ 1 ดูแลเรื่องนี้ให้ชาวบ้านด้วยนะครับ เพราะว่าประเทศไทยถ้าปล่อยไปอย่างนี้นะครับ เขามายึดครองหมด แล้วถ้ามีการปักปันคุยกันจะตกกันลงกันไม่ได้หรือยังไงเนี่ยผมไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ถ้าท่านไม่เชื่อก็เหมือนอย่างอาจารย์ท่านบอกให้ไปตรวจสอบไว้เลยนะครับ ว่าเขามารุกเข้ามาอยู่แล้วเกิดความเสียหายต่อประเทศชาตินะครับ มันจะเสียดินแดนอีกนะครับ 14 ครั้งมาก็เจ็บปวดแล้วนะครับ อย่าให้เป็นครั้งที่ 15 16 เลยครับ ผมฝากท่านด้วยนะครับ”






กำลังโหลดความคิดเห็น