xs
xsm
sm
md
lg

“ฮุน มาเนต” เต้น! โดน “อิ๊งค์” ตำหนิชอบปล่อยข่าวผ่านโซเชียลฯ ไม่เป็นมืออาชีพ เถียงกลับไม่มืออาชีพตรงไหน ลั่นอดทนมามากแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ฮุน มาเนต” เต้นผาง โดน “อุ๊งอิ๊งค์” กล่าวหาเล่นการเมืองไม่เป็นมืออาชีพ ชอบปล่อยข่าวทางโซเชียลมีเดีย เถียงกลับไม่เป็นมืออาชีพตรงไหน ผู้นำทั่วโลกก็ใช้โซเชียลฯ ผู้นำไทยก็เหมือนกัน แถมยังใช้ข่มขู่จะตัดเน็ต-ตัดไฟ จะสร้างกำแพงกั้นชายแดน นั่นมืออาชีพหรือเปล่า ยันกัมพูชาอดทนมามากแล้วเพราะไม่อยากมีปัญหา

วันนี้(17 มิ.ย.) เว็บไซต์ข่าว The Phnom Pehn Post รายงานเมื่อเวลา 18.29 น.ว่านายกรัฐมนตรีฮุนมาเนต ตอบโต้ความเห็นของนักการเมืองระดับสูงของไทยที่กล่าวหาผู้นำกัมพูชาว่าเล่นการเมืองแบบ “ไม่เป็นมืออาชีพ” เกี่ยวกับปัญหาชายแดนและการประชุม กรณีการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับประชาชน

ในช่วงบ่ายของวันนี้(17 มิ.ย.) นายกรัฐมนตรีฮุนมาเนตกล่าวระหว่างพิธีปิดการประชุมลูกเสือแห่งชาติที่กรุงพนมเปญว่า การแชร์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการแจ้งข่าวสารให้ประชาชนทราบ ซึ่งผู้นำโลกหลายคนก็ใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำ

“นักการเมืองไทยกล่าวหาผมและฮุนเซน (ประธานวุฒิสภา) ว่าเล่นการเมืองแบบไม่เป็นมืออาชีพ โดยบอกว่าเราเล่นการเมืองผ่านเฟซบุ๊ก นั่นเป็นการเมืองแบบไม่มืออาชีพอย่างไร พวกเขาบอกเป็นนัยว่าเราไม่ควรพูดคุยเรื่องต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งพวกเขามองว่าไม่มีประสิทธิภาพ” เขากล่าว

ฮุนมาเนตอ้างว่าผู้นำไทยเองก็ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเผยแพร่ข้อมูล บางครั้งถึงขั้นข่มขู่กัมพูชา เช่น ขู่ว่าจะตัดบริการบางอย่างโดยไม่ได้หารือกับกัมพูชาก่อน

“ช่วงหนึ่งพวกเขาพูดถึงการตัดไฟฟ้า จากนั้นก็พูดถึงการตัดอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็บอกจะสร้างรั้วกั้นระหว่างกัมพูชากับไทย นี่มันมืออาชีพหรือเปล่า? ขอให้ชัดเจนว่ากัมพูชาไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เราอดทนมามากแล้วเพราะเราไม่อยากมีปัญหา” เขากล่าว

คำพูดของฮุนมาเนตดังกล่าวเป็นการตอบโต้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งกล่าวอย่างชัดเจนในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนว่าการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยนั้น “เป็นไปตามบรรทัดฐานระหว่างประเทศผ่านช่องทางของรัฐอย่างเป็นทางการ”

“การเจรจาของรัฐบาลไทยยึดถือแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ โดยผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของรัฐ งดการสื่อสารในชีวิตประจำวันผ่านช่องทางอื่น หลีกเลี่ยงการยั่วยุหรือท้าทาย และป้องกันความเข้าใจผิด เพื่อให้เกียรติประเทศคู่เจรจา รักษาบรรยากาศที่เอื้อต่อการแก้ไขข้อขัดแย้ง และหลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม” สื่อกัมพูชาอ้างตามคำกล่าวของ น.ส.แพทองธาร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ได้แถลงข่าวที่บ้านพิษณุโลก หลังจากหารือกับฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา กรณีที่นายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปรับเวลาเปิดปิดด่านกลับไปสู่เวลาเดิมตามที่เคยเปิดก่อนหน้านี้ ภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นฝ่ายกัมพูชาจะปิดด่านทั้งหมดและห้ามนำเข้าสินค้าผักผลไม้จากไทย

โดย น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องการสันติภาพให้เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศว่าไม่ต้องการความขัดแย้ง และต้องการรักษาชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อให้ทหารไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ และพยายามพูดคุยในกรอบทวิภาคี เพื่อเป็นกรอบความเข้าใจร่วมกันให้เป็นไปตามกลไกระหว่างประเทศ ยอมรับว่ามีการคุยกัน แต่สิ่งที่คุยกันสื่อสารไปทางโซเชียลฯ นั้นนอกกรอบ ทำให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งสิ่งที่คุยหลังไมค์และแบบทางการ เพื่อให้สื่อสารแบบทางการเป็นผลลัพธ์ทั้งสองประเทศ

“การปล่อยข่าวหรืออะไรก็ตาม อย่างข่าวหลายๆ ข่าวที่ออกมาก็เคยได้มีการตกลงกันอยู่แล้วว่าอย่าเพิ่ง อันนี้อย่าปล่อยข่าวนะเพราะว่าเราต้องคุยกันก่อนว่าเอาอย่างไร เพราะว่าคนหน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารเนี่ยคนละคนกัน เพราะฉะนั้นเนี่ยเราทําอะไร ตัดสินใจอะไร หรือสัมภาษณ์เราไปเนี่ย เราต้องเห็นใจคนหน้างานด้วย

“แต่สิ่งที่เราอาจจะทําน้อยกว่าเค้านั่นคือการสื่อสารออกออกสาธารณะ เพราะเราเคารพในการเจรจาระหว่างประเทศ เราเคารพกรอบของทวิภาคี เราให้เกียรติทั้ง 2 ประเทศว่าสิ่งที่คุยควรเป็นสิ่งที่เป็นทางการ และอยู่ในกรอบของทวิภาคี อันนั้นคือสิ่งที่ทุกประเทศมีการติดต่อสื่อสารต้องยึดกรอบของทวิภาคีเป็นสําคัญ

“แต่ถ้ามีการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการเกิดขึ้นตลอดเวลาอย่างมากมาย เราก็ต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกันว่าเราไม่เคยที่จะยั่วยุหรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใดๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“การปล่อยข่าว หรือปล่อยประโยคอะไรออกมาที่ไม่เป็นทางการ ส่งผลกระทบแน่นอน ย้ำอีกครั้งว่าไม่เกิดผลดีกับทั้ง 2 ประเทศ” น.ส.แพทองธาร กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น