บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทในเครือ จัดงานสัมมนาความรู้ด้านการเงินการลงทุน Bitkub Meetup 2025 ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ “รู้ทันโลกใหม่: การเงิน เทคโนโลยี และการลงทุนในอนาคต" เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองในการลงทุนของปี 2568 จากผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าของวงการ นำโดย คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด, คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ SIX และ PLN ผู้บริหารกองทุน 500 Tuktuks และ WhaleGround, คุณซีเค เจิง CEO of Fastwork และคุณกันตณัฐ วุฒิธร หัวหน้าทีมวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บิทคับ แล็บส์ จำกัด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ทรูดิจิทัล ปาร์ค นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมสนุกมากมายจากพันธมิตรร่วมจัดงาน LeisureMeta (LM), Pizza Hut, MY WORLD, ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน และเข้ม ที่มาแจกของรางวัล พร้อมพิซซาและเครื่องดื่ม ภายในงานสัมมนา
มุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจาก 3 วิทยากรแนวหน้า
งาน Bitkub Meetup ในครั้งนี้แบ่งปันแนวคิดการเงินการลงทุนในหัวข้อ “การเงิน เทคโนโลยี และการลงทุนแห่งโลกอนาคต” โดยเป็นไฮไลต์สำคัญของงานนี้ จากวิทยากรแนวหน้าของวงการทั้ง 3 ท่าน ซึ่งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของบิตคอยน์ (BTC) ที่ในปัจจุบันทำราคาไปสูงถึง 3,566,448.65 บาท บนกระดานเทรดบิตคับ เอ็กซ์เชนจ์ อ้างอิง ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 14.25 น. ดังนี้
“ท๊อป จิรายุส” มองว่าบิตคอยน์ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้อยู่ โดยอิงจาก Cathie Wood, CEO of ARK Invest ที่เคยออกมาให้ความเห็นว่ามูลค่าบิตคอยน์อาจไปสูงถึง 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 32,700,000 บาท) ด้วยปัจจัยต่างๆ และ Elon Musk ที่เคยบอกว่า ในอีก 5 ปีท้องถนนจะเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ใช้ AI ขับเคลื่อนแทนที่คน ส่งผลให้การบริการต่างๆ จะไม่มี Marginal Cost of Production รวมถึงในอนาคตที่เทคโนโลยี 3D Printing ถูกพัฒนาศักยภาพจนถึงขีดสุด ก็จะสามารถสังเคราะห์ Materials ต่างๆ ออกมาได้ และจะส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่ถูกมองว่ามีจำนวนจำกัดอย่างทองคำ
หลังจากนี้ 5 ปีต่อไปก็อาจสามารถสังเคราะห์ทองคำขึ้นมาได้ด้วยเทคโนโลยี AI เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีการผลิต Synthetic diamond ได้แล้ว หลังจากนี้หากสามารถผลิต Synthetic gold ได้อีก ความต้องการและราคาของทองคำก็อาจจะลดลง หรือแม้แต่ที่ดินเองก็สามารถขยายเพิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นการขยายในแนวนอนอย่างการถมที่ หรือการขยายในแนวตั้งอย่างการสร้างคอนโดฯ ซึ่งความเห็นส่วนตัวของ “ท๊อป จิรายุส” มองว่ามูลค่าของที่ดินในอนาคตน่าจะขึ้นกับคุณภาพของอากาศ ดังนั้น สินทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้าที่ยังถือครองมูลค่าจากคุณสมบัติการมีอยู่อย่างจำกัดจึงมีเพียงบิทคอยน์ที่มีอยู่ 21 ล้านเหรียญที่ยังมีคุณสมบัตินี้อยู่
นอกจากนี้ หน่วยงานลงทุนและสถาบันการเงินระดับโลกต่างก็เข้ามาเป็นถือครองบิทคอยน์เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะ MicroStrategy และ BlackRock ที่ถือครองบิทคอยน์ไปแล้วกว่าคนละ 400,000 เหรียญ ทางด้านรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ก็เช่นกัน อย่างสหรัฐอเมริกา ถือบิตคอยน์ไว้ 210,000 เหรียญ และมีแผนสะสมให้ครบ 1,000,000 เหรียญ ส่วนจีนถือบิทคอยน์อยู่ 80,000 เหรียญ ส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกเริ่มขยับตัวเข้ามาถือครองในบิตคอยน์ที่มีจำนวนจำกัดนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาในตลาดนี้จำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งด้านความรู้ความเข้าใจและความมั่นคงทางอารมณ์ก่อนการลงทุน รวมถึงเงินที่จะเอามาลงทุนควรต้องเป็นเงินเย็นอีกด้วย
“หมู ณัฐวุฒิ” ให้ความเห็นว่า การลงทุนในบิตคอยน์ควรพิจารณาจากความพร้อมของแต่ละคน เพื่อวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับตนเอง หากสังเกตเวลาที่ราคาขึ้นสูงสุดหรือลงต่ำสุด มักจะเกิดขึ้นเร็วมาก นักลงทุนแต่ละคนต้องดูว่าตนสามารถรอจนถึงจุดสูงสุดครั้งต่อไปได้ไหม ส่วนตัวมองเป็นการลงทุนแบบระยะยาวที่ใช้วิธีการ DCA บ้าง เพื่อนำมาเป็นทุนเติมเข้ามาใหม่เรื่อยๆ หรือยังมี Cash อยู่บ้างในช่วงราคาลง
ในส่วนภาพกว้างขึ้นมา บริษัทเอกชนหลายแห่งก็เริ่มขยับตัวแล้ว อย่าง Microstrategy หรือญี่ปุ่นเองก็มี MetaPlanet และเชื่อว่าประเทศไทยก็น่าจะมีหลายบริษัทที่เริ่มเก็บบิตคอยน์เข้ามาอยู่ใน Balance Sheet ของบริษัทแล้วเช่นกัน ซึ่งในอนาคตภาคส่วนอื่นๆ ก็อาจพิจารณาบิทคอยน์ให้เป็นหนึ่งในทุนสำรองของประเทศด้วย ถ้าประเทศผู้นำโลกและผู้นำในภูมิภาคมีการขยับตัว แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องยกเครดิตให้คือกฎหมายที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยมีการพัฒนาไปกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเลยทีเดียว
“ซีเค เจิง” มีมุมมองที่ว่า ทุกคนที่อยากลงทุนในบิตคอยน์ควรซื้อด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง ซึ่งบิทคอยน์เกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลที่คนอยากออกจากระบบการเงินที่รัฐบาลสร้างไว้ โดยมองว่าเงินคือหนี้ที่รัฐบาลพิมพ์ออกมา ดังนั้นบิตคอยน์เป็นทรัพย์สินที่มีจำนวนจำกัดและไม่ได้ผ่านรัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่งควบคุมไว้ จึงเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน เพราะเชื่อในมูลค่าจากการมีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ต่อให้สหรัฐอเมริกาอยากซื้อ 100,000 เหรียญบิตคอยน์ แต่หากไม่มีใครขายก็หาซื้อไม่ได้ เพราะอย่างนั้น ถือระยะยาวไม่มีทางแพ้ รวมทั้งอยากให้ทุกคนลงทุนตามมูลค่า ไม่ใช่ตามราคา เหมือนที่ Warren Buffett, Chairperson of Berkshire Hathaway ใช้เลือกในสิ่งที่จะลงทุน
เตรียมพบกับงานสัมมนาครั้งใหญ่ BITKUB SUMMIT 2025
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ยังเผยว่า “จุดเริ่มต้นของการจัดงาน Bitkub Meetup เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการเปิดพื้นที่ส่งต่อโอกาสทางความรู้และอินไซต์สำคัญจากนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้นำในแต่ละวงการ ให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้และโอกาสใหม่ๆ นี้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยในแต่ละเดือนจะคัดเลือกหัวข้อที่น่าสนใจมานำเสนอ หวังเกิดเป็นคอมมูนิตีของคนทุกเพศทุกวัยที่อยากมาติดอาวุธทางความรู้ในการลงทุนด้านต่างๆ”
พร้อมประกาศวันจัดงานสัมมนาครั้งใหญ่แห่งปี BITKUB SUMMIT 2025 ที่ปีนี้มาในแนวคิด “Gateway to the Future: เปิดประตูเทคโนโลยีและการลงทุนสู่โลกอนาคต” ระหว่างวันที่ 25-26 ตุลาคม 2568 ณ Exhibition Hall 3-4, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยมี 3 หัวข้อหลักของงาน ได้แก่ ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) เทคโนโลยี (Digital Literacy) และการดูแลสุขภาพเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว (Longevity) ซึ่งเตรียมพร้อมเชิญนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้นำด้านเทคโนโลยีแนวหน้าในระดับโลกและภูมิภาคเอเชีย มาร่วมแบ่งปันความรู้และวิสัยทัศน์ในหัวข้อสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของโลก
กางแผน Launch ฟีเจอร์ใหม่ของแอพ Bitkub ในปี 2568 พร้อมย้ำมาตรการความปลอดภัย
ในงาน Bitkub Meetup ครั้งที่ 6 ยังมีการเปิดตัวไทม์ไลน์ของนวัตกรรมใหม่ที่ลูกค้าและผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Bitkub Exchange จะได้ใช้บริการและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในปี 2568 นี้ โดย คุณสกุล มณฑา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านผลิตภัณฑ์ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด นำเสนอถึงฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ เช่น Auto DCA, Profit & Loss, KYC Revamp, Privilege Program, User Setting Price Alert ฯลฯ พร้อมเตรียมพบกับรูปโฉมใหม่ของแอพลิเคชันเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ภายในงานยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานมีสิทธิ์ในการทดลองใช้งาน Beta Version อีกด้วย
รวมถึงการเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยที่บิทคับให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก โดย คุณนรธิป ธนสารศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารความเสี่ยง บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด กล่าวเสริมถึงมาตรการความปลอดภัยของการให้บริการและการนำร่องแคมเปญ #บิทคับไม่มีมอม้า เพื่อสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามบัญชีม้า อาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการฟอกเงิน รวมถึงการออกมาตรการต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ
คำเตือน: บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ไม่ใช่ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.