หญิงสาวเล่าอาการป่วยเรื้อรัง หลังถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติที่ห้างดัง แถมอาการป่วยยังกระทบชีวิตประจำวัน เผยทางห้างรับผิดชอบแบบขอไปที ล่าสุดให้เดินเรื่องเอง
วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้เล่าอาการเจ็บป่วยหลังถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติที่ห้างดัง ทำป่วยเรื้อรัง แถมห้างดังให้เดินเรื่องเอง โดยระบุข้อความว่า “เมื่อฉันโดนไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติที่ห้างดัง เข้า-ออก โรงพยาบาลหลายวันจนจะบ้าแล้ว มารู้ตอนหลังว่าฉันไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่โดนไฟดูดจากตู้กดบัตรของห้างนี้จ้า เพื่อนบอกเคยเห็นมีควันออกมาจากตู้
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ตอนบ่ายๆ ตอนขับผ่านเครื่องกดบัตร ก็ลดกระจกเอามือไปโบกหน้าเครื่อง (ระบบเซ็นเซอร์) แต่ตอนเอามือยื่นออกไปยังไม่แตะเครื่องเลย รู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว แล้วก็ชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด (คิดว่าไฟฟ้าในเครื่องมันน่าจะขัดข้อง) ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรงนั้นเลย บีบแตรไปหลายทีมากกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มา ไม่กล้ากดปุ่ม SOS บนเครื่องด้วย กลัวไฟดูดรอบสอง
พอเจ้าหน้าที่มาก็โวยวายบอกว่าไฟมันดูดค่ะๆ แต่เขาไม่สนใจมาเปิดไม้กั้นให้ไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด แล้วรีบเดินไปที่ customer service ที่ซูเปอร์ไปขอความช่วยเหลือเพราะชาไปครึ่งตัวแล้วตอนนั้น
เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นาน ไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ ตอนนั้นแขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง
ไปโรงพยาบาลตอนแรกก็เบาใจละ ถึงมือหมอแล้ว แต่ป่าวเลย หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ กับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอเลยบอกให้กลับบ้านไปได้ แต่ความชายังไม่หาย แขนก็ยังไม่มีแรงเซ็นเอกสารเลย ขอให้หมอสั่งยากลับบ้านให้ หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆเหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ทำไรไม่ได้เลยกลับบ้านไปวันนั้น
กลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย จะหายเองจริงๆ เหรอ? เย็นกลับบ้านก็กินยาคลายกล้ามเนื้อเอง แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย อาการมาจัดเต็ม ปวดชา ปวดจี๊ดขึ้นหัว นอนไม่ได้เลยทั้งคืน ตอนนั้นอยากเรียกรถพยาบาลไปโรงพยาบาลมาก แต่ไม่อยากให้ใครที่บ้านรู้เรื่อง เลยทนไปจนเช้า
ตอนเช้าตัดสินใจย้ายโรงพยาบาลเองไม่ไปแล้วที่เดิม ประกันห้างไม่จ่ายก็ช่างมันละ ทรมานมาทั้งคืน กระจกตาอักเสบก็กำเริบ ตาเริ่มมองไม่ชัด 1 ข้างเพราะภูมิตก แต่ก็กัดฟันขับรถไปโรงพยาบาลเอง ความจำเลือนๆ คือพยาบาลเปลหามเข้าห้องฉุกเฉินเลยหลังจากไปถึง หมอเห็นอาการหนัก เลยเจาะเลือดตรวจแล้วก็ฉีดยาแก้ปวดรุนแรงให้ สักพักมึนๆ แล้วก็สลบไป จนจะเที่ยงแล้ว เจ้าหน้าที่ห้างบอกจะโทร.มาติดตามอาการ และพร้อมดูแลทุกเรื่อง ก็ยังเงียบกริบ (เขาบอกจะโทร.มา 10 โมง) แฟนก็แอบโทร.ไปวีนห้างตอนที่เราหลับ ประมาณบ่ายเจ้าหน้าที่โทร.มาบอกว่าโรงพยาบาลที่เราไปไม่ใช่คู่สัญญาของห้าง น่าจะเบิกได้แต่ช้า ลูกค้าเอาเอกสารมาเดินเรื่องเองที่ห้างนะคะ จบปิ้ง ตอนนี้ยังหลอนกับห้างเธออยู่เลยค่ะ จะให้ไปเดินเรื่องเองคงไม่อะ
หลังจากนั้นก็ทรมานกับการปวดหัวเรื่อยมา เป็นลมฟุบไปบางช่วงเวลาของวันก็มี ทำงานไม่ได้เลย ต้องทิ้งงานประมูลไป 2 งานเพราะยื่นโปรเจกต์งานดีไซน์ที่ออกแบบมาเป็นเดือนไม่ทัน (อีกนิดหนึ่งจะเสร็จแล้ว😭) กินข้าวไม่ได้ นอนก็ต้องกินยาช่วย ชีวิตพังจริงๆ ช่วงนี้ มีคนแนะนำให้ไปแจ้งความ ฟ้องเรียกค่าเสียหายเลย แต่ต้องรอสติกลับมาก่อนนะ