xs
xsm
sm
md
lg

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดมุมมองเชิงลึก! ปรับกลยุทธ์ "พัฒนาเกษตรกรไทย” ชู 5 ทักษะ สู่การเปลี่ยนแปลง ย้ำภาคภูมิใจนำทัพเกษตรกรไทยสู่ความยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลายคนอาจคุ้นเคยกับคำว่า "Smart Farmer" "Young Smart Farmer" แต่เบื้องหลังนิยามนี้คืออะไร นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันอาจยังไม่เพียงพอ และถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยน พร้อมขอให้เกษตรกรไทย "เปิดใจ" ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง


Smart Farmer คืออะไรในความหมายที่แท้จริง?
แนวคิด Smart Farmer เริ่มต้นขึ้นในสมัยท่านยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้นิยามการเกษตรที่เข้าใจทั้งเรื่อง ตลาด เทคโนโลยี การจัดการไร่นา และการจัดการดินอย่างเหมาะสม ปัจจุบันนิยามนี้ยังคงยึดตามหลักการเดิม เพียงแต่ปรับให้เข้าใจง่ายขึ้น คือ ทุกคนที่ทำการเกษตรโดยใช้ความรู้เป็นหลัก อ่านเกมการตลาดขาด และสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับหนึ่งโดยไม่ต้องหวังพึ่งพารัฐ แต่รัฐต้องมีมาตรการรองรับในภาพใหญ่ หรือพูดง่ายๆ คือ "คนเก่ง คนดี คนที่มองอนาคตไกล และพร้อมปรับตัวพัฒนาตนเองอยู่เสมอ" นั่นเอง

ปัจจุบันมี Smart Farmer กว่า 250,000 ราย ที่ถูกคัดเลือกและอบรม อย่างไรก็ตาม นายพีรพันธ์ตั้งข้อสังเกตว่า ระยะเวลาการอบรมเพียง 12-48 ชั่วโมง อาจยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ได้อย่างแท้จริง เพราะการศึกษาและการพัฒนาต้องใช้เวลาและช่องทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงตระหนักดีว่าไม่สามารถเรียกเกษตรกรทั้ง 8 ล้านคนมานั่งเรียนพร้อมกันได้ จึงมองเห็นความจำเป็นในการ เปลี่ยนจากการเรียนรู้ทั่วไป มาเป็นการฝึกทักษะเฉพาะตัว เพื่อให้เกษตรกรสามารถแสวงหาความรู้ที่ดีและแยกแยะข้อมูลจริงจากโฆษณาได้ด้วยตนเอง


เปิด 5 ทักษะสำคัญ: "อาวุธ" ที่จะช่วยให้เกษตรกรอยู่รอดในทุกสถานการณ์
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการเกษตรได้พยายามพัฒนา 5 ทักษะสำคัญนี้ให้กับเกษตรกร โดยเปรียบเหมือนการสอนจับปลา ไม่ใช่แค่การให้เบ็ด แต่สอนให้รู้จักปลา รู้จักเลี้ยงปลา และรู้จักวิธีการเพาะพันธุ์ปลาที่เหมาะสม ทำให้เกษตรกรสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว ทักษะทั้ง 5 มีดังนี้:

ทักษะการมองโลกในแง่บวก: การเกษตรต้องเผชิญกับความผันผวนของธรรมชาติ ราคาตลาดโลก หรือโรคและแมลง เกษตรกรต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มองว่าความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา พร้อมที่จะลุกขึ้นใหม่และแสวงหาความรู้เพื่อปรับตัวและลดผลกระทบ นอกจ

ทักษะการเรียนรู้: เทคโนโลยีและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เกษตรกรต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร้อน อุณหภูมิ หรือแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หากสินค้าที่ผลิตยังไม่ตอบโจทย์ ก็ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด


ทักษะการเงิน: เกษตรกรส่วนใหญ่มักไม่ค่อยใส่ใจการทำบัญชี แต่องค์ความรู้ด้านการเงินคือสิ่งสำคัญ เกษตรกรต้องมองเศรษฐกิจให้ออก โดยเฉพาะนโยบายจากต่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบทันทีต่อสินค้าเกษตร หากมีความรู้ด้านการเงินจะสามารถปรับผลผลิตในสวนให้หลากหลาย สร้างโอกาสและความได้เปรียบ

ทักษะดิจิทัล: ดิจิทัลไม่ใช่แค่ E-Commerce หรือการไลฟ์สดขายสินค้า แต่คือการนำข้อมูลมาใช้ในการผลิตเป็นสำคัญ ต่อให้ขายออนไลน์เก่งแค่ไหน แต่ถ้าผลผลิตไม่มีคุณภาพ ผู้บริโภคก็ซื้อแค่ครั้งเดียว การให้น้ำหนักกับการผลิตมากกว่าการตลาดเพียงเล็กน้อย จะช่วยให้การเกษตรก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน

ทักษะด้านสิ่งแวดล้อม:ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมคือเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ ผู้บริโภคพร้อมจ่ายเพื่อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรกรต้องตระหนักถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตร เช่น กระบวนการหมักในนาข้าว หรือการไถพรวนดินที่ทำให้คาร์บอนระเหย หากสามารถเก็บกักคาร์บอนไว้ในดินได้ จะช่วยชะลอภาวะโลกร้อนได้
มุ่งสู่เกษตรกรยุคใหม่: พร้อมรบด้วย "อาวุธแห่งความรู้"

นายพีรพันธ์กล่าวว่า ทักษะทั้ง 5 ด้านนี้ทุกคนมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแค่เปิดใจค้นหาและนำออกมาใช้ ไม่ว่าวัยไหนก็สามารถเป็น Smart Farmer ได้ อายุไม่ใช่อุปสรรค เกษตรกรยุคใหม่ต้องพร้อมรับด้วย "อาวุธแห่งความรู้" อัปเดตสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

ในอดีต กรมส่งเสริมการเกษตรเน้นการอบรมและสนับสนุนปัจจัยการผลิต แต่ปัจจุบันกระบวนการเรียนรู้ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามโลกที่เปลี่ยนไป กรมฯ จะไม่เน้นการสอนในห้องเรียนเหมือนเดิม แต่จะทำหน้าที่เป็น โค้ชและผู้ฝึกทักษะ เหมือนการผลิตอาวุธให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ในการทำมาหากินได้ในทุกสถานการณ์ จะมีการเสวนาใหญ่ประจำภาค และกระบวนการเรียนรู้ภายใต้ปัญหา เพื่อช่วยกันแก้ไข โดยใช้หลักวิชาการเข้าคลี่คลายปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แม้การเปลี่ยนแปลงย่อมมีความเจ็บปวด อาจมีบางคนมองว่าเร็วเกินไปหรือคิดต่างจากสิ่งที่เคยชิน แต่นายพีรพันธ์ ยังคงเลือกที่จะเดินหน้าและสู้ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในครัวของโลกได้อย่างภาคภูมิใจ และเดินหน้าด้วยทิศทางที่ถูกต้อง










กำลังโหลดความคิดเห็น