ตม.ออกมาโต้กลับ ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมเดินหน้าดำเนินคดีต่อชาวจีนแอบอ้างจ่ายเงินแลก VIP-ฟรีวีซ่าเข้าเมืองไทย ในข้อหาหมิ่นประมาท และเตรียมขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศต่อไป
จากกรณีชาวจีนแอบถ่ายคลิปในพื้นที่ตรวจคนเข้าเมือง พร้อมใส่ข้อความบิดเบือนอ้างว่า "การทำงานในประเทศไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่านั้น ต้องมีความสัมพันธ์กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเสียก่อน"
โดยจุดเริ่มต้นจากคลิปโซเชียลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง แสดงให้เห็นชาวจีนคนหนึ่งถ่ายคลิปเจ้าหน้าที่ ตม.สนามบิน โดยมีการตัดต่อและพากย์เสียงเป็นภาษาจีน เนื้อหาในคลิปเริ่มต้นด้วยการพูดว่า "จะแสดงให้ดูว่าจะเข้าประเทศไทยยังไง ตอนนี้ตรวจเข้มมาก" ก่อนจะตัดภาพไปที่พื้นที่ ตม.ขาเข้า และถ่ายเจ้าหน้าที่ที่ถือหนังสือเดินทาง เมื่อผ่านด่านมาแล้ว ชาวจีนคนดังกล่าวได้ถ่ายภาพตัวเองพร้อมพูดว่า
"หลังจากผ่านด่านมาก็มาหากระเป๋าของเรา อยู่ตรงไหนวะหาไม่เจอ"
ส่วนที่สร้างความเข้าใจผิดอย่างมากคือช่วงที่ชาวจีนคนนี้ถ่ายหน้าตัวเองระหว่างเดินออกจากสายพานผ่านศุลกากร พร้อมพูดว่า "การมาไทยครั้งนี้ หากระเป๋าไม่เจอ จริงๆ ก็ง่ายๆ แค่นี้ หรูหรา ขอแค่มีเงินหาน้องๆ ให้ช่วยเปิดทางหาของให้ก็ได้แล้ว เมืองไทยก็แบบนี้ แต่จะมีอุปสรรคในการสื่อสารเล็กน้อย" และปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพบริเวณทางออกถึงขึ้นรถ พร้อมบ่นกับคนขับรถว่า "ถึงแล้วสนามบินสุวรรณภูมิ บายๆ ถ่ายด้านนอกสนามบิน แล้วก็บ่นกับคนขับรถว่าหายไปไหนมา และบ่นต่อว่า ดึงกูไว้จะเอาตังค์ เอาพาสไว้นึกว่าจะส่งกลับแล้ว" พร้อมขึ้นข้อความภาษาไทยในคลิปว่า "การทำงานในประเทศไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่านั้น ต้องมีความสัมพันธ์กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเสียก่อน"
ล่าสุดวันนี้ (10 มิ.ย.) มีรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินคดี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) เปิดเผยว่า ได้เห็นคลิปดังกล่าวตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ พ.ต.อ.หญิง เนาวรัตน์ เฉลิมศรี ผู้กำกับการฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากการตรวจสอบ พ.ต.อ.หญิง เนาวรัตน์ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ ตม.ที่ถูกถ่ายคลิปคือ ร.ต.อ.เอกนรินทร์ จันทะมาฐรภัสกุล รอง สว.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ซึ่ง ร.ต.อ.เอกนรินทร์จำได้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนคนดังกล่าวได้เข้ามาขอความช่วยเหลือให้ช่วยกรอกข้อมูลขาเข้าในระบบออนไลน์ (TDAC) โดยอ้างว่าไม่สามารถกรอกได้ จึงช่วยเหลือและช่วยนำส่งให้เจ้าหน้าที่ช่องตรวจหนังสือเดินทางตรวจสอบตามปกติ ยืนยันว่าการช่วยเหลือเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่คิดว่าชาวจีนคนดังกล่าวจะฉวยโอกาสแอบถ่ายและนำไปตัดต่อพร้อมพูดบิดเบือน สร้างความเสียหาย
พล.ต.ต.เชิงรณชี้แจงเพิ่มเติมว่า ระยะหลัง ตม.ได้มีการปฏิเสธการเข้าเมืองของชาวต่างชาติที่อาศัยฟรีวีซ่าแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2568 มีการปฏิเสธการเข้าเมืองไปแล้วกว่า 8,193 ราย ซึ่งส่งผลให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เป็นเอเยนต์ มักพยายามโฆษณาชักชวนให้เห็นว่าสามารถติดต่อหน่วยราชการหรือ ตม.เพื่อนำคนจีนเข้าประเทศได้โดยไม่ถูกส่งกลับ ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อมูลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ บางรายยังฉวยโอกาสทำชาลเลนจ์ผ่าน ตม.เพื่อสร้างคอนเทนต์ โดยแอบลักลอบถ่ายภาพในพื้นที่ปฏิบัติงานและเจ้าหน้าที่ แล้วนำมาใส่ข้อความหรือเสียงพากย์เพื่อเรียกยอดวิว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ร.ต.อ.เอกนรินทร์ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อติดตามตัวชาวจีนรายดังกล่าวมาดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และจะดำเนินการตามกฎหมายคนเข้าเมืองเพื่อเสนอเพิกถอนวีซ่าและขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามต่อไป