xs
xsm
sm
md
lg

“ปรัก สุคน” ส่งหนังสือถึง “มาริษ” ขอไทยร่วมมือกัมพูชานำข้อพิพาทเขตแดนขึ้นศาลโลก อ้างคุยทวิภาคีไม่เพียงพอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปรัก สุคน” รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือชวน รมว.กต.ไทย ขอให้ร่วมกับกัมพูชานำข้อพิพาทชายแดน 4 จุดขึ้นศาลโลก อ้างกลไกทวิภาคีไม่เพียงพอ แก้ปัญหาไม่ยั่งยืน หวังไทยจะให้ความร่วมมือเพื่อหาทางออกอย่างสันติ ตามหลักกฎหมาย และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เวลา 22.57 น. เว็บไซต์ข่าว The Phom Pehn Post รายงานข่าวอ้างการเปิดเผยของ นายชุม ซันรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ว่า นายปรัก สุคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ได้ส่งจดหมายถึงนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน เชิญชวนให้ไทยนำข้อพิพาทชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)

ในจดหมายดังกล่าว นายปรัก สุคน ระบุว่า แม้จะมีกลไกทวิภาคีและความพยายามอย่างจริงใจเพื่อหาทางแก้ไขมากมาย แต่ข้อพิพาทชายแดนระหว่างสองราชอาณาจักรที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษก็ยังคงดำเนินต่อไป ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหล่านี้ยังคงเป็นแหล่งที่มาของความเข้าใจผิดและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนำไปสู่เหตุการณ์ที่น่าเศร้าหลายครั้ง รวมถึงการเผชิญหน้าล่าสุดที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร เมื่อกองทัพไทยเปิดฉากยิงใส่ตำแหน่งกองทัพกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมยิ่งเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการหาทางแก้ไขที่ยั่งยืนและสันติ

“เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อน ลักษณะทางประวัติศาสตร์ และความละเอียดอ่อนของข้อพิพาทเหล่านี้ จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการเจรจาทวิภาคีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ครอบคลุมและยั่งยืน

“ในบริบทนี้ รัฐบาลกัมพูชาเชื่อว่าแนวทางที่เหมาะสมและสันติที่สุดในการก้าวไปข้างหน้าคือการส่งเรื่องสามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณาตัดสิน” เขากล่าว

นายปรักอธิบายว่า การตัดสินของ ICJ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ จะให้การแก้ไขปัญหาที่ยุติธรรม เป็นกลาง และยั่งยืน จะทำให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับอาณาเขตของเรา และที่สำคัญกว่านั้น ช่วยส่งเสริมบรรยากาศของสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างประเทศของเราทั้งสอง

“แนวทางปฏิบัติดังกล่าวยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการรักษาหลักนิติธรรม รักษาความสมัครสมานสามัคคีในภูมิภาค และส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของประชาชนของเราภายในชุมชนอาเซียน” เขากล่าว

“จากที่กล่าวมาข้างต้น ข้าพเจ้าขอเรียกร้องอย่างนอบน้อมให้รัฐบาลไทยพิจารณาร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาในการส่งข้อพิพาทเรื่องพรมแดนของเราไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ขอให้เราใช้โอกาสนี้เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันของเราต่อการเจรจาอย่างสันติ การแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย และอนาคตของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี” จดหมายดังกล่าวสรุป

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ชี้แจงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่ากัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อหาทางแก้ไข เนื่องจากกลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาได้เพียงเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าพื้นที่อื่นๆ จะได้รับการแก้ไขโดยกลไกทวิภาคีตามบันทึกความเข้าใจปี 2000 หรือเอ็มโอยู 2543


กำลังโหลดความคิดเห็น