“ลุงป้อม” ตีกิน แฉอดีต “วีระ” โดนผู้มีอำนาจไทยสมรู้ร่วมคิดส่งตัวให้เขมร

“พล.อ.ประวิตร” ออกมาตีกิน สั่งสอนให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ตอบโต้กัมพูชาสมน้ำสมเนื้อเมื่ออีกฝ่ายไม่จริงใจก็ต้องใช้มาตรการเชิงรุก แต่ในสมัยที่ตัวเองเป็น รมว.กลาโหม กลับสมรู้ร่วมคิดให้ “วีระ สมความคิด” ถูกเขมรจับขณะไปยืนยันเขตแดนไทยบริเวณปราสาทพระวิหาร

จากกรณที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาให้ข่าวต่อสื่มวลชนตำหนิรัฐบาลว่าทำการตอบโต้กัมพูชาไม่สมน้ำสมเนื้อ พร้อมสอนรัฐบาลว่าเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเจรจาด้วยความจริงใจ ก็ต้องเตรียมมาตรการเชิงรุกที่สร้างแต้มต่อให้ฝ่ายไทยได้เปรียบนั้น วันนี้ (6 มิ.ย.) นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ที่เคยถูกทหารกัมพูชากัมพูชาจับตัวไปติดคุกเป็นเวลาราว 3 ปี เพราะไปแสดงตัวยืนยันเขตแดนไทยที่บริเวณปราสาทพระวิหาร เมื่อ 15 ปีก่อน สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาเปิดใจ ผ่านรายการ "พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร" โดยระบุว่า เรื่องนี้ตนรอมา 15 ปี รอมาให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นความจริงว่ากัมพูชาเข้ามาแย่งยึดแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ปี 2543 หรือเอ็มโอยู 43 โดยไม่ได้หยุดเลย ยังเดินหน้า และตัวเขาเองกลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อความขัดแย้งกับกัมพูชา จนต้องถูกจับกุมและติดคุก ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเพียงต้องการปกป้องผืนแผ่นดินไทย

นายวีระ เล่าย้อนความไปว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาถูกสังคมเข้าใจผิดและถูกตำหนิว่าเป็น "คนหาเรื่อง" แม้กระทั่งถูกเรียกว่า "นักโทษ" ซึ่งเขาเองก็ยอมรับฉายานั้น โดยเชื่อว่าในเวลานั้น ไม่ว่าจะพูดความจริงอย่างไร คนที่ไม่เชื่อก็คงไม่เปิดใจรับฟัง

สิ่งที่น่าตกใจคือ เขาอ้างว่าเบื้องหลังการถูกจับกุมและดำเนินคดีโดยทางการกัมพูชานั้น ไม่ได้มาจากฝั่งกัมพูชาโดยตรง แต่เป็นฝีมือของ "คนประเทศท่านนั่นแหละ ถีบท่านมาให้เขมร" ซึ่งเป็นถ้อยคำที่บ่งชี้ถึงการทรยศหักหลังจากคนในชาติเดียวกัน

นายวีระ ได้พาดพิงถึงรัฐบาลในอดีตที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ โดยระบุชื่อ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมเจาะจงไปที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีมหาดไทย ในขณะนั้น นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และมีอำนาจในการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศอีกด้วย

เขาตั้งคำถามถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ในขณะนั้น โดยเฉพาะกำลังพลทหารไทยนับหมื่นนายในกองกำลังบูรพา ที่ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือเขา ทั้งที่ฝ่ายกัมพูชามีเพียง 1 กองร้อยเท่านั้น โดยมีเพียงทหารไทย 2 คนเดินมาแล้วบอกว่าหมดภารกิจแล้วและก็ขึ้นรถไป

ในตอนท้าย นายวีระได้ยืนยันหนักแน่นว่า เขาไม่เคยกระทำความผิดใด ๆ และทุกการกระทำก็อยู่บนผืนแผ่นดินไทย จึงไม่มีใครมีสิทธิ์มาดำเนินคดีกับเขาได้ เขาปิดท้ายด้วยการกล่าวว่า ผู้ที่อ้างว่าได้ช่วยเหลือเขาให้ออกมาจากคุกเขมรนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงการทำหน้าที่ของตนเอง ในฐานะที่เขาเป็นคนไทยที่ลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของชาติ