วันศุกร์ 30 พ.ค. ยามค่ำพร้อมฝนพรำๆ ปกติแล้วมักจะเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยอย่างมาราธอนบนถนนที่เต็มไปด้วยรถลามากมาย แต่ช่วงหัวค่ำวันเดียวกันนั้น กลับกลายเป็นอีกหนึ่งโมเม้นต์สุดพิเศษของชีวิต เพราะผู้เขียนกลับได้ใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมงอย่างอิ่มเอมใจในการชมงานคอนเสิร์ตเพลงแจ๊สของพ่อหลวง ในงาน ROYAL JAZZ FOR THE CHAIPATTANA FOUNDATION ที่จัดขึ้น ณวัน แบงค็อก ฟอรั่ม (One Bangkok Forum)
งานนี้ถูกจัดขึ้นโดยมูลนิธิสิริวัฒนภักดี , บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) , บริษัท บีเจซี บิ๊กซี ดีเวลลอปเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด , บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วัน แบงค็อก จำกัด และเครือข่ายพันธมิตร
คอนเสิร์ตนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวาระ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
รายได้จากการจัดงานโดยไม่หักค่าใช้จ่าย จะทำการมอบให้กับ “มูลนิธิชัยพัฒนา” ที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งปัจจุบัน กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงสืบสานด้วยพระปณิธานที่จะทำให้มูลนิธิชัยพัฒนาเป็นกลไกกลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้
ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะได้ฟังหลากเมโลดี้เพราะๆ จากบทเพลงพระราชนิพนธ์แล้ว ภายนอกงานยังมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติจัดแสดงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และนิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาและผลงานของมูลนิธิชัยพัฒนา รวมถึงยังมีโซนจัดแสดงงานศิลปะ และการออกร้าน “ภัทรพัฒน์” จำหน่ายสินค้าของมูลนิธิชัยพัฒนาอีกด้วย
***เปิดฉากอย่างสุดโรแมนซ์
“แสงเดือน” เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 27 ถูกนำมาขับร้องเป็นเพลงเปิดม่านเพลงแรก ซึ่ง ฟางข้าว The Voice มาในชุดราตรีสีขาวสุดหรู พร้อมกับเสียงนุ่มๆ แต่ชัดถ้อยชัดทำในทุกคำร้อง ย่อมทำให้คอเพลงแจ๊สเพลินกับผลงานคุณภาพนี้ได้อย่างดี
สิ่งที่ทำให้หลายคนประกาศตัวเป็นแฟนเพลงแจ๊สของพ่อหลวงอย่างเหนียวแน่น นอกเหนือไปจากทำนองแจ๊สสแตนดาร์ดที่มีหลากสไตล์แล้ว เนื้อเพลงที่บรรจงแต่งมาเพื่อให้เข้าถึงหลากประสบการณ์ของชีวิต ก็ทำให้ผู้คนเข้าถึงอารมณ์แห่งเพลงได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น เพลงแสงเทียน ที่พูดถึงการหมั่นสะสมความดี ก่อนชีวีจะสิ้นไป ที่ขับร้องโดย คิว สุวีระ จากวงฟลัวร์ ได้ทุ่มอารมณ์ความร็อค ทำให้คนดูเต็มอิ่มไปกับเนื้อเพลงอย่างลึกซึ้งไปอีกขั้น
***ไฮไลท์เพลงบรรเลง “สายฝน” จากฝีมือแชมป์โลก
หนึ่งในเพลงเพราะขวัญใจชาวไทยอย่าง “สายฝน” ได้สะกดคนดูทั้งฮอล์ได้อีกครั้ง เพราะแทนที่จะมาเป็นเสียงร้อง กลับเปลี่ยนเป็นเสียงกีตาร์โปร่ง จากฝีมือของ “เบิร์ด” เอกชัย เจียรกุล เจ้าของแชมป์กีตาร์คลาสสิกโลกคนแรกของไทยและเอเชีย ผู้ซึ่งเริ่มเรียนกีต้าร์เพราะได้แรงบันดาลใจจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ “เพลงชะตาชีวิต” นั่นเอง เขาบรรจงรัวนิ้วบนสายกีตาร์โปร่งตัวโปรดอย่างคล่องแคล่ว ทำให้คนฟังทั้งเคลิ้มทั้งอิน
***เสน่ห์ใหม่ของเพลงพระราชนิพนธ์
ถึงแม้เนื้อร้องและทำนองของเพลงพระราชนิพนธ์จะไร้ที่ติ แต่ลีลาการร้องของเหล่านักร้องในเวทีนี้ ก็ทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ของการฟังพระราชนิพนธ์ อาทิ น้ำเสียงที่ดุดันสมชายชาตรีที่น้อยครั้งเราจะได้ยินเมื่อ นภ พรชำนิ มาขึ้นเวที แต่ด้วยเพลง “ความฝันอันสูงสุด” พระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43 ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์จากกลอนแปดใน พ.ศ.2514 ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเมืองมีปัญหาด้านการเมืองรอบด้าน โดยเฉพาะกับท่อน “จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา” นภ แผดพลังเสียงได้อย่างดุดัน สมกับเป็นเพลงปลุกขวัญเหล่าทหารกล้าได้เป็นอย่างดี
ส่วน “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์” ก็เปลี่ยนเพลง “แผ่นดินของเรา” ที่แม้จะมีคำร้องแบบไทยแท้ๆ แต่กลับได้ฟีลสไตล์คล้ายๆ กับการร้องเพลงสากลประเภทเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่มีเสน่ห์ และชวนเคลิบเคลิ้ม
สิ่งที่จะเพิ่มสกอร์ความเอิมอิ่มให้กับคอนเสิร์ตนี้ได้อีกมาก คือ การให้น้ำหนักกับ Stage Show ที่ลงรายละเอียดเพิ่มมากกว่าเดิม อาทิ การเพิ่มเวทีให้กับการแสดงแกรนด์เปียโนแบบเดี่ยวๆ ให้สมกับเป็นวงดนตรีแบบแจ๊สบิ๊กแบนด์จริงๆ การสร้างสรรค์ หรือเลือกใช้ภาพประกอบบนจอแอลอีดีให้สื่อความหมายเชิงลึกให้กับเนื้อหาในเพลง รวมถึงการมีพิธีกรกล่าวเป็นไกด์ไลน์ตั้งแต่เปิดจนปิดงาน เป็นต้น
และหลังจากผ่านไป 6 เดือน กับการดื่มดำกับคอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์ถึงสองงาน โดยงานคอนเสิร์ต ROYAL JAZZ FOR THE CHAIPATTANA FOUNDATION ครั้งนี้ เพลงที่โปรดที่ผู้เขียนรอฟังก็ถูกเลือกมาเป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ต นั่นก็คือเพลง “Oh I Say” ที่จะช่วยย้ำเตือนให้ผู้เรารู้ว่า ท่ามกลางความสั่นไหวของปัญหาใหญ่ๆ ใดๆ ในโลก แต่เราก็ควรจะเก็บเกี่ยวความสุขที่อยู่ตรงหน้า จงอยู่กับปัจจุบันให้มากๆ เพราะ Happiness comes only once in a lifetime นั่นเอง
ขอบคุณภาพจาก AME IMAGENATIVE