ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ในเมื่อฝ่ายการเมืองไม่อาจเป็นผู้นำที่ดีได้ ก็ควรเปิดใจรับฟังแนวทางการทำงานของฝ่ายทหารที่ทำงานในพื้นที่มาเป็นเวลานาน
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นความตึงเครียดที่หลายฝ่ายกําลังจับตาดูว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
ภายหลังกัมพูชาพยายามส่งข้อพิพาทนี้ไปตัดสินกันที่ศาลโลก โดยพยายามอ้างว่า เพื่อให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
แนวทางนี้ของกัมพูชาแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เพราะการทําเช่นนี้แทบไม่ต่าง อะไรกับการที่กัมพูชาพยายามจะขยายเรื่องนี้ให้เป็นข้อพิพาทในระดับภูมิภาค เพื่อเปิดโอกาสให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือทางอ้อม
แต่การที่เรื่องนี้จะไปถึงศาลโลกได้นั้น กัมพูชาไม่อาจยื่นเรื่องได้เพียงลําพัง เพราะตามกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว กรณีเช่นนี้ต้องได้รับความยินยอมจาก ประเทศไทยด้วย
ดังนั้น บางทีการสร้างกระแสของผู้นํากัมพูชาในเรื่องนี้อาจเป็นเพียงแค่การหวัง ปลุกกระแสชาตินิยมภายในประเทศเท่านั้น
จากสถานการณ์ในเวลานี้ พอกลับมามองที่ผู้นํารัฐบาลของประเทศไทย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลือกที่จะเงียบและทําตามสไตล์ถนัด ตีกรรเชียงหนี คือการมอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทําหน้าที่แทน
ด้วยเหตุนี้เอง ทําไมเวลานี้พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นมากองทัพถึงได้รับดอกไม้ มากกว่ารัฐบาล โดยฝ่ายกองทัพที่มีบทบาทมากที่สุดในเวลานี้คนหนึ่ง คือ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หรือบิ๊กกุ้ง
บิ๊กกุ้ง จบการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 37 โรงเรียนเสนาธิการทหารบกหลักสูตรหลักประจําชุดที่ 77
เคยดํารงตําแหน่งสําคัญมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 เสนาธิการกองพล ทหารราบที่ 3 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 รองแม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพน้อยที่ 2 และตําแหน่งในปัจจุบันคือแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อจาก พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ
ที่สําคัญ บิ๊กกุ้งคือเพื่อนรักของ บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน
ดังนั้น ตามที่เคยมีกระแสข่าวฝ่ายการเมืองอยากให้มีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 2 จึงเป็นเรื่องยากที่ไม่อาจเป็นไปได้เลย
ทั้งนี้ บิ๊กกุ้งได้เคยมีบทบาทนําในการรักษาอธิปไตยบริเวณปราสาทตาเมือนธม อําเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทหารและพลเรือนของกัมพูชาพยายามรุกคืบเข้ามา ทั้งๆ ที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทางอธิปไตยของประเทศไทยอยู่แล้ว
แต่พอเหตุการณ์ที่ตาเมือนธมได้ข้อยุติ ก็ไปเกิดข้อพิพาทใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี
ครั้งนี้ตึงเครียดกว่าเก่า เพราะกัมพูชาเพิ่มกําลังทหารและอาวุธเข้าพื้นที่จํานวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิและล้ำเข้ามาฝ่ายไทย
ยิ่งเป็นการตอกย้ำฝ่ายการเมืองไม่มีความเข้มแข็งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการปฏิเสธในการปิดด่านชายแดนไทยกับกัมพูชา เพื่อตอบโต้และกดดันฝ่ายกัมพูชา เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้จะเป็นการทําให้ไทยถูกมองว่ายอมรับกับการกระทําที่ล้ำเส้นของกัมพูชา
เมื่อฝ่ายการเมืองมีท่าทีเช่นนี้ทําให้กองทัพไม่อาจอยู่เฉยได้ โดยปรากฏว่าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน เพจเฟซบุ๊ก กองทัพบก Royal Thai Army ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงชื่อ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2
โดยระบุว่า ไม่มีผู้นําคนไหนอยากให้ลูกน้องเข้าห้ำหั่น ให้เกิดการสูญเสีย ข้อเท็จจริงคือ เราเจรจา ไม่ได้เข้าตี ถ้าเข้าตี คงไม่หยุดอยู่เท่านี้ พี่น้องทั้งสองประเทศเป็นเครือญาติกัน ถ้าทหารต้องทําหน้าที่ก็พร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ ก็พร้อม
ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ในเมื่อฝ่ายการเมืองไม่อาจเป็นผู้นําที่ดีได้ ก็ควรเปิดใจรับฟังแนวทางการทํางานของฝ่ายทหาร ที่ทํางานในพื้นมาเป็นเวลานาน อย่าให้อคติหรืออะไรก็ตามมาทําให้ผลประโยชน์ของประเทศชาติถูกบั่นทอนลง
------------------------
**ขอแนะนำ ThaiTimes โซเชียลมีเดียของคนไทย
ไม่ปิดกั้นเนื้อหา - แชร์รูปภาพและวิดีโอ - ติดตามข่าวสารล่าสุดได้อย่างอิสระ
มีให้ Download ได้แล้วทั้งในระบบ iOS และใน Android
iOS :https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132
Android :https://play.google.com/store/apps/details...
และhttps://thaitimes.co