“ฮุนเซน” กล่าวกลางที่ประชุมสภากัมพูชา ย้ำต้องนำปัญหาเขตแดนกับไทยขึ้นศาลโลก ถ้าไทยยังปฏิเสธแสดงว่ามีเจตนาซ่อนเร้น ขู่ถ้าไม่ขึ้นศาลชายแดนไทยจะเหมือนฉนวนกาซาที่มีแต่การสู้รบไม่มีวันจบสิ้น อ้าง MOU 43 ใช้ไม่ได้แล้ว
วันนี้ (2 มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภากัมพูชา ได้แถลงต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภากัมพูชา ตอนหนึ่งเกี่ยวกับการยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อหาทางยุติข้อพิพาทเขตแดนกับไทยบริเวณสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ว่า เป็นการให้เกียรติประเทศเพื่อนบ้านในการร่วมกันคลี่คลายความขัดแย้ง โดยใช้วิธีการทางการทูต
สมเด็จฮุนเซนกล่าวด้วยว่า หากไทยยังคงปฏิเสธและหลีกเลี่ยงการใช้วิธีการดังกล่าว สะท้อนชัดเจนว่าฝ่ายไทยมีเจตนาซ่อนเร้น หากบริสุทธิ์ใจทำไมต้องกลัวการขึ้นศาล”
สมเด็จฮุนเซนยังกล่าวว่า บันทึกความเข้าใจ (MOU 2543) ที่ทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องเขตแดนเมื่อปี 2543 นั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะผ่านมาแล้ว 25 ปี แต่กัมพูชาและไทยยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
“ถ้าเราไม่ยอมให้ศาลตัดสิน ปัญหานี้ก็จะเหมือนกับฉนวนกาซาที่ไม่มีวันจบสิ้น การต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ หรือใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วทำไมเราถึงต้องกลัวการขึ้นศาลถ้าเราบริสุทธิ์” สมเด็จฮุนเซนกล่าว
สมเด็จฮุนเซนอ้างว่ากัมพูชามุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะไม่รุกล้ำดินแดนของประเทศอื่น เพียงแต่ต้องการรักษาดินแดนที่สืบทอดมาจากยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสและต่อมาก็รักษาไว้ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
“สิ่งที่เหลืออยู๋เพียงเล็กน้อย เราจะต้องปกป้อง” เขากล่าวเสริม เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชา