วัดไร่ขิงปรับภูมิทัศน์ จัดระเบียบภายในวัดครั้งใหญ่ หลังหลวงพ่อแก้วจากวัดบางช้างเหนือ รักษาการแทนสมีแย้มที่ถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านไปเล่นพนันออนไลน์ จับตาประมูลงานฉลองเจดีย์ 15 ส.ค.นี้ และงานประจำปีวัดไร่ขิงในปีหน้า เดิมพันประมูลแผงค้าสูงเวอร์ ตั้งแต่ 1 ล้าน ถึง 2.5 ล้าน แต่ไม่เข้าบัญชีวัดจะแก้ไขยังไง?
วันนี้ (1 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 พ.ค.) ที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีการปรับภูมิทัศน์ และจัดระเบียบภายในวัดครั้งใหญ่ โดยพระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่เพื่อให้ดูสะอาดและเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น หลังอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า เจ้าอาวาสคนก่อนหน้าถูกดำเนินคดีกรณียักยอกเงินวัดไปเล่นพนันออนไลน์มากกว่า 300 ล้านบาท ทำเอาพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา คนเข้ามาไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงน้อยลง
โดยมาตรการที่ดำเนินการแล้ว ได้แก่ การยกเลิกการจุดธูปบริเวณหน้าพระอุโบสถ เพื่อลดปัญหาควัน การรื้อถอนตู้รับบริจาคหลายจุด เช่น ตู้บริจาคยกช่อฟ้าวัดรางไทร การเคลื่อนย้ายจุดจำหน่ายวัตถุมงคลให้อยู่รวมกันในจุดเดียว และการรื้อโคมไฟที่แขวนบริเวณหลังคาหน้าพระอุโบสถจนถึงแม่น้ำออกทั้งหมด สำหรับร้านกาแฟที่เป็นของนางพชรพร สีเลี้ยง หรือหมอเตย และสามี ได้ปิดลงแล้ว เหลือเพียงร้านน้ำและร้านของฝากที่เป็นสวัสดิการของวัดเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่วัดและชาวบ้านย้ำว่าต้องการให้ประชาชนแยกแยะระหว่างความศรัทธาต่อวัดกับพฤติกรรมส่วนบุคคล และเชิญชวนให้กลับมาไหว้หลวงพ่อไร่ขิงตามปกติ
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับตู้บริจาคภายในวัดไร่ขิงมีมากกว่า 185 ตู้ โดยวันธรรมดาจะมีผู้มาทำบุญเฉลี่ยวันละ 50,000-100,000 บาท หากเป็นวันหยุดยาวหรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะมีผู้มาทำบุญเฉลี่ยวันละ 1,000,000 บาท ซึ่งการเงินรั่วไหลได้ง่ายทั้งคนเปิดตู้ และคนนับเงิน สืบสวนพบว่าเงินไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ เมื่อตรวจสอบตู้บริจาคในนามมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลยืนยันว่าทางวัดไร่ขิงไม่เคยช่วยเหลือทางการเงินมา 3 ปีแล้ว แม้ทางโรงพยาบาลขออนุญาตจากคณะกรรมวัดไร่ขิง ตั้งตู้บริจาคเงินโรงพยาบาลอีก 1 ตู้ เพื่อรับเงิน และจะส่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาเปิดไขเงินจากตู้บริจาคเอง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิฯ และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทางวัดไร่ขิง ภายใต้พระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีแนวทางแก้ไข ได้แก่ การประมูลร้านค้าในงานประจำปี วัดไร่ขิงจัดปีละ 2 ครั้ง ในเดือนเมษายน และตุลาคมของทุกปี สร้างรายได้ปีละ 35 ล้านบาท โดยพบว่าสมัยเจ้าคุณแย้ม การประมูลร้านค้าพบว่ามีการเดิมพันสูงตั้งแต่ 1,000,000 ถึง 2,500,000 บาทต่อแผง และพบว่าหลังประมูลเสร็จต้องจ่ายเงินให้กรรมการวัดทันทีและเป็นเงินสดเท่านั้น ไม่รับเงินโอน ทำให้ผู้ค้าต้องไปถอนเงินออกมาเป็นเงินสด แล้วจ่ายในวันประมูลทันที ข้ามวันก็ไม่ได้ จากนั้นเงินสดจำนวนดังกล่าวจะมอบให้เจ้าคุณแย้มโดยตรง โดยไม่เข้าบัญชีของวัด
ก่อนที่เจ้าคุณแย้มจะถูกจับกุม วัดไร่ขิงมีแผนจะประมูลร้านค้าในงานฉลองเจดีย์วัดไร่ขิง วันที่ 15 ส.ค. 2568 และงานเทศกาลนมัสการปิดทองหลวงพ่อวัดไร่ขิง กำหนดประมูลร้านค้าวันที่ 17 ก.พ. 2569 ผลกระทบที่ตามมาก็คือ ราคาสินค้าภายในงานวัดราคาสูงขึ้น หรือถ้าไม่สูงก็ขายขาดทุน เมื่อยอดขายไม่ดีก็คิดเสียว่าทำบุญให้กับวัด ต้องจับตาดูว่าการเข้ามาดูแลวัดไร่ขิงของพระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร โดยเฉพาะการทุ่มเงินประมูลพื้นที่เช่าของวัดของผู้ค้าบางราย ที่ทำให้ราคาประมูลออกมาสูงเกินจากความเป็นจริง
อนึ่ง สมัยที่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งมรณภาพในปี 2551 พบว่ามีเงินในบัญชี 200-300 ล้านบาท โดยพระอุบาลีฯ สั่งให้เปิดตู้รับบริจาคแล้วเอาเงินเข้ามูลนิธิวัดไร่ขิงทั้งหมด แต่เมื่อเจ้าคุณแย้มเข้ามาเป็นเจ้าอาวาส ไม่ให้เจ้าหน้าที่วัดคนก่อนหน้าอยู่ต่อแม้แต่คนเดียว อีกทั้งลดขั้นตอนการเบิกเงินทั้งหมด จากสมัยพระอุบาลีฯ ที่เคยทำไว้อย่างเป็นระบบ มีเอกสารเบิกเงินชัดเจน เปลี่ยนเป็นการใช้เงินตามอำเภอใจ และเก็บตู้บริจาคเงินส่วนใหญ่เข้ากุฎิ ยกเว้นตู้บริจาคในเขตพระอุโบสถและดอกไม้ธูปเทียน แทนที่จะเข้ามูลนิธิวัดไร่ขิงอย่างที่เคยทำมาก่อน