xs
xsm
sm
md
lg

"ศูนย์สอบธรรมศาสตร์" แฉเบื้องลึก "แก๊งโกงสอบราชการ" พัฒนาการจาก "พ่อไก่แม่ไก่" สู่เครื่องดักฟังซิม! เผยผู้ปกครองยอม "ขายที่ขายนา" หวังลูกได้บรรจุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ศูนย์สอบธรรมศาสตร์" เปิดโปงขบวนการทุจริตสอบเข้ารับราชการสุดแนบเนียน ที่วิวัฒนาการจากวิธีเก่า "พ่อไก่แม่ไก่" สู่การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซิมโทรศัพท์ขนาดเล็กซ่อนในร่างกาย ผู้ปกครองบางรายถึงขั้น "ขายที่ ขายนา" เพื่อจ่ายค่าโกงที่สูงถึง 3-8 แสนบาทต่อคน ทางศูนย์ฯ ย้ำจับทุจริตได้มากที่สุดด้วยประสบการณ์ AI และพร้อมต่อสู้กฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้มีการผลักดันกฎหมายลงโทษที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อปกป้องคนธรรมดาที่ตั้งใจจริง

เมื่อวันที่30 พ.ค. เพจ “ศูนย์สอบธรรมศาสตร์” ออกมาโพสต์ข้อความเผยประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจกับการทุจริตการสอบเข้ารับราชการถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทางศูนย์สอบฯออกมาเปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังขบวนการโกงสอบที่ซับซ้อนและแนบเนียน พร้อมยอมรับว่าเป็น "ศูนย์สอบที่จับทุจริตได้มากที่สุด" ตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อผู้ต้องสงสัยและญาติพี่น้องของผู้ทุจริตสะสมอยู่เป็นร้อยรายชื่อ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามต่อสู้กับปัญหาที่หยั่งรากลึกในระบบราชการไทย

แอดมินเพจของศูนย์สอบธรรมศาสตร์ชี้แจงถึงเจตนาในการนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ว่า ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยไปยังหน่วยงานผู้จัดสอบอื่นๆ ให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะการทุจริตอาจระบาดมานานและลามไปถึงระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแล้วก็เป็นได้ เพียงแต่ยังไม่มีการตรวจพบหรือเป็นข่าว

ทางเพจเผยว่า การโกงสอบเข้ารับราชการมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จากวิธีการดั้งเดิมที่ใช้ "พ่อไก่แม่ไก่" เข้าไปทำข้อสอบแล้วส่งโพยให้ลอก ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้ผลแล้ว เนื่องจากมีการจัดชุดข้อสอบที่หลากหลายและกระจายผู้เข้าสอบไม่ให้ติดกัน

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขบวนการทุจริตได้พัฒนาไปสู่การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนขึ้น เริ่มจากเครื่องส่งสัญญาณแบบสั่น ไปจนถึงอุปกรณ์ขนาดเล็กเท่าบัตรเครดิตที่ฝังซิมโทรศัพท์ โดยมีหูฟังขนาดเท่าเม็ดถั่วดำฝังอยู่ในหูของผู้สอบ อุปกรณ์เหล่านี้ถูกซ่อนอย่างแนบเนียนในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น เป้ากางเกง หรือใต้นม เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเครื่องสแกนโลหะ

กลุ่มขบวนการจะใช้วิธีส่ง "มือปืน" หรือคนเก่งหลายคนเข้าไปนั่งสอบในห้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลและส่งคำตอบไปให้คนข้างนอก ซึ่งส่วนใหญ่จะเช่าหอพักใกล้สนามสอบ เพื่อใช้เป็นฐานในการสอนการใช้อุปกรณ์และจัดทำโพยเฉลย จากนั้นจะส่งสัญญาณคำตอบกลับมาให้ผู้สอบผ่านหูฟังในช่วง 45 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาสอบ

แม้การตรวจจับอุปกรณ์จะทำได้ไม่ทั้งหมด แต่ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ยืนยันว่าสามารถตรวจจับการทุจริตได้ด้วยการใช้ "ประสบการณ์ของกรรมการคุมสอบ + พิรุธคนทุจริต" โดยใช้หลักจิตวิทยาแบบตำรวจหาพิรุธคนร้าย นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ในการวิเคราะห์ผลเฉลย โดยคำนวณความน่าจะเป็นของการตอบผิดเหมือนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นโดยบังเอิญนั้นมีน้อยมาก (เช่น โอกาสที่ผู้สอบจะเลือกตอบผิดเหมือนกัน 18 ข้อ คือ 1 ใน 68,179 ล้าน)
หากพบความผิดปกติ ทางศูนย์สอบจะไม่ประกาศผลสอบให้ผู้ที่เข้าข่ายทุจริต และพร้อมที่จะต่อสู้ทางกฎหมาย โดยมีหลักฐานอื่นๆ ประกอบไว้ตลอด ส่วนอุปกรณ์ทุจริตที่จับได้ในคดีที่หมดอายุความแล้วก็จะถูกทำลาย

ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ชี้ว่าการโกงสอบราชการเกิดขึ้นจากบุคคลสองกลุ่มหลัก ได้แก่

โจรภายใน บุคคลที่แฝงตัวอยู่ในคณะผู้บริหารหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสอบ เช่น การออกข้อสอบ, การตรวจข้อสอบ, การสอบสัมภาษณ์, การตรวจเอกสาร, และการประกาศรายชื่อ โดยอาศัยช่องโหว่ของระบบในการแสวงหาผลประโยชน์

โจรภายนอก กลุ่มขบวนการที่ใช้กลวิธีต่างๆ ในการทำให้ผู้สอบผ่าน โดยไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานโดยตรง กลุ่มนี้สามารถจับได้ไม่ยากหากหน่วยงานมีการป้องกันที่ดีและไม่ประมาท

ข้อมูลจากผู้ทุจริตบางรายเผยว่า ผู้ปกครองบางคนถึงกับ ขายที่ ขายนา เพื่อจ่ายเงินให้นายหน้าเพื่อให้ลูกได้สอบเข้ารับราชการ โดยอัตราค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนนายหน้าที่ผ่าน และความนิยมของหน่วยงานนั้นๆ โดยเฉลี่ยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3-8 แสนบาท สำหรับการสอบผ่านทั้งภาค ก และภาค ข พร้อมแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ

ตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการทุจริตมากที่สุดคือ ตำแหน่งที่รับวุฒิการศึกษาได้ทุกวุฒิ เช่น ตำแหน่งนักจัดการ หรือนักทรัพยากรบุคคล

ศูนย์สอบธรรมศาสตร์แสดงความคาดหวังว่า จะมีพรรคการเมืองหรือผู้แทนราษฎรช่วยผลักดันและเสนอกฎหมายลงโทษผู้ทุจริตการโกงการสอบเข้ารับราชการให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เพราะกฎหมายและวิธีการทางราชการ

ในปัจจุบันยังมีช่องโหว่ให้ผู้กระทำผิดหลุดรอดได้ง่าย หากมีการผลักดันกฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะกับประชาชนคนธรรมดาที่ตั้งใจจริง

กำลังโหลดความคิดเห็น