xs
xsm
sm
md
lg

เร่เข้ามา ?? ... พบโมเดลใหม่ ไทยเปิดโกดังให้โรงงานจีนเช่า พร้อม “ใบอนุญาต”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายงานพิเศษ

“โรงงานจีนมาเปิดกิจการในไทยง่ายมาก เพียงแค่ขนเครื่องจักรมาก็เปิดโรงงานได้เลย ไม่ต้องไปหาที่ดิน ไม่ต้องสร้างอาคาร ไม่ต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ไม่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐของไทยเลย ... เพราะเราไปพบว่า มีผู้ประกอบการคนไทย เปิดโกดังที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานพร้อมอยู่แล้ว ให้ทุนจีนเข้ามาทำสัญญาเช่า และเปิดโรงงานได้เลย”

ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยโดย ดาวัลย์ จันทรหัสดี ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรม มูลนิธิบูรณะนิเวศ ซึ่งไปพบโมเดล “ผู้ประกอบการไทย ให้โรงงานทุนจีนเช่าใช้โกดังที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) พร้อมอยู่แล้ว” ในระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ร่วมกับทีมตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568

ดาวัลย์ เปิดเผยว่า โกดังที่เปิดให้ทุนจีนเข้ามาเช่าใช้ทำเป็นโรงงาน มีลักษณะเป็นอาคารโล่ง 4 หลัง อยู่ในพื้นที่แปลงเดียวกัน แต่มีผู้เข้ามาเช่าใช้โกดังเป็นผู้ประกอบการโรงงานจากจีน 6 ราย ในราคาห้องละประมาณ 5-6 แสนบาทต่อเดือน เพราะมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานหลายใบ เช่น ใบอนุญาตลำดับที่ 53 กิจการหล่อหลอมพลาสติก, ลำดับที่ 77 ประกอบกิจการเกี่ยวกับรถยนต์หรือรถพ่วง, ลำดับที่ 70 ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิต ดัดแปลงกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องอัดอากาศ เครื่องเป่าลม ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ ฯลฯ ... โดยมีผู้ประกอบการไทย ชื่อ บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด เป็นผู้ให้เช่า ซึ่งเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบข้อสังเกตหลายประการ






ข้อแรก โกดังเหล่านี้ ถูกแบ่งซอยให้มีการเช่าช่วงต่อไปยังผู้ประกอบการจีนรายอื่นที่ไม่ได้ทำสัญญาเช่า เป็นการขยายกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

ข้อสอง การประกอบกิจการอาจไม่ตรงกับใบอนุญาต โดยอาศัยการตีความกว้างๆ เช่น ใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการเกี่ยวกับรถยนต์ อ้างว่าผลิตเข็มขัดนิรภัย แต่ไปผลิต “สายรัดสินค้า” ที่ใช้ในการขนส่งสินค้าแทน หรือใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างต้น แต่ไปผลิตปลั๊กไฟแบบรางแทน

ข้อสาม เมื่อตรวจสอบสัญญาเช่าแล้ว ยังพบว่า ผู้ประกอบการชาวไทย อาจใช้ช่องว่างของกฎหมาย ที่เปิดให้สามารถ “โอน” หรือ “ซื้อขาย” ใบ รง.4” ได้ เป็นเงื่อนไขในการทำให้ใบ รง.4 เปลี่ยนมือชั่วคราว ... คล้ายกับเป็นการ “ให้เช่า รง.4” มากกว่าที่จะโอนจริงๆ

สัญญาที่เราเห็นเป็นสัญญาเช่าโกดัง ในเอกสารแนบท้ายสัญญาเช่าที่เราไปขอดูจากผู้ให้เช่า มีข้อวามที่ระบุเงื่อนไขการเช่าไว้ว่า ... “ผู้ให้เช่า เป็นผู้ขอใบอนุญาตอุตสาหกรรมและโอนสิทธิให้ ผู้เช่า เฉพาะช่วงเวลาสัญญาเช่าเท่านั้น เมื่อ ผู้เช่า บอกเลิกสัญญาหรือระยะเวลาเช่าสิ้นสุดลง ต้องโอนสิทธิ์ใบอนุญาตอุตสาหกรรมคืนให้ ผู้ให้เช่า ก่อนเท่านั้น ผู้ให้เช่า ถึงจะคืนเงินมัดจำทั้งหมดให้ ตามที่ระบุในสัญญาฉบับนี้ .... *** (ในเอกสารจริงมีหลายจุดที่เขียนข้อความสับสนระหว่างคำว่า ผู้เช่า (Lessee) กับ ผู้ให้เช่า (Lessor) ... ดังนั้น ข้อความข้างต้น ไม่ตรงกับในเอกสารทุกถ้อยคำ ... แต่ในเอกสารมีข้อความภาษาอังกฤษกำกับ ซึ่งการใช้คำว่า ผู้เช่า และ ผู้ให้เช่า ในภาษาอังกฤษมีความหมายตรงกับที่ผู้เขียนดัดแปลงไว้)

“ถ้าเราพิจารณาตามเอกสารฉบับนี้ เราก็จะเห็นได้เลยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ใบ รง.4 ของ บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด ไปให้ผู้ประกอบการชาวจีน ไม่ใช่การโอนแบบซื้อขายกรรมสิทธิ์จริงๆ แต่เป็นการ “ให้เช่าใบอนุญาต” เพราะไปเขียนกำกับแนบท้ายในสัญญาไว้ว่า จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ใบ รง.4 คืน เมื่อเลิกเช่าหรือหมดสัญญาเช่าจึงจะได้เงินมัดจำคืน ... ก็มีคำถามว่า การให้นักลงทุนต่างชาติมาเช่า ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ใช้ชั่วคราว โดยบวกค่าใบอนุญาตไปกับค่าเช่าอาคาร ... สามารถทำได้ด้วยหรือ ... ถ้าทำเช่นนี้ได้ จะส่งผลต่อการกำกับดูแลความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์หรือไม่” ดาวัลย์ ตั้งข้อสังเกตว่า นี่อาจเป็นช่องว่างของกฎหมายที่ต้องรีบหยิบยกขึ้นมาทบทวน




“มีข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า การโอนกรรมสิทธิ์ใบ รง.4 นอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้โรงงานจากจีนแล้ว ยังทำให้ความรับผิดชอบทั้งหมดตกไปอยู่ที่ผู้ประกอบการชาวจีน ในกรณีที่เกิดความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เกิดไฟไหม้โรงงาน เกิดการลักลอบปล่อยมลพิษ และชาวจีนเหล่านี้ก็สามารถกลับประเทศไปได้เลย โดยไม่มีผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าของโกดังชาวไทยก็มีสัญญาเช่าอาคารเป็นหลักฐานและไม่ใช่เจ้าของใบอนุญาต ณ เวลานั้น”

อย่างไรก็ตาม กรณีโกดัง 4 หลัง ที่ปล่อบให้ผู้ประกอบการจีน 6 ราย เช่าพร้อมใบ รง.4 ได้ถูกทีมตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และสั่งให้หยุดประกอบกิจการพร้อมยึดอายัดวัตถุดิบผลิตภัณฑ์และสิ่งของที่ใช้ในการประกอบกิจการไปแล้ว

แต่ ดาวัลย์ มีข้อมูลว่า นอกจากจะมีพฤติการณ์ที่อาศัยช่องว่างของกฎหมายเช่นนี้เกิดขึ้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง แล้ว ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่กำลังใช้รูปแบบเดียวกัน

“การให้โรงงานจีนม้เช่าโกดังพร้อมใบอนุญาต นำวัตถุดิบเข้ามาจากจีน เก็บเงินทั้งหมดกลับไปที่จีน โดยที่ประเทศไทยไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากการลงทุนในรูปแบบนี้เลยก็ถือเป็นปัญหาหนึ่ง ... แต่หากเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ จะมีอีกปัญหาหนึ่งตามมาทันที นั่นคือ ปัญหาการปนเปื้อนของมลพิษ เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้ จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ดังนั้นเขาจะทำเละแค่ไหนก็ได้” ดาวัลย์ แสดงความกังวล
กำลังโหลดความคิดเห็น