“ฮุนเซน” โพสต์เสียใจทหารกัมพูชาดับ 1 จากเหตุปะทะที่ช่องบก ประณามผู้รุกรานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นที่ปราสาทพระวิหารปี 51-54 อ้างไม่อยากทำสงคราม แต่หนุนรัฐบาลเสริมกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันรุกรานเพิ่ม
จากกรณีที่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อเช้าวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากทหารไทยลาดตระเวนพบทหารกัมพูชากำลังขุดคูเลตหรือสนามเพลาะบริเวณเนิน 745 ซึ่งถือเป็นการละเมิด MOU 2543 จึงเข้าไปเจรจาให้ถอนกำลังออกไปแต่ถูกทหารกัมพูชายิงปืนใส่ จึงเกิดการปะทะกัน เป็นเหตุให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ส่วนฝ่ายไทยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยต่อมาทางโฆษกกองทัพบกกัมพูชาอ้างว่า ทหารไทยเป็นฝ่ายยิงใส่ก่อนระหว่างที่ฝ่ายกัมพูชาลาดตระเวนตามปกตินั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 21.13 น. วันที่ 28 พ.ค. จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ว่า “ก่อนอื่น ผมขอแสดงความเสียใจและเห็นใจต่อครอบครัวของสิบเอก สวน รุน ผู้ล่วงลับ เนื่องมาจากการโจมตีของกองกำลังที่มารุกราน
“พรมแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และกำลังมีการพัฒนาไม่ควรมีเรื่องแบบนี้
“ผมขอประณามบุคคล องค์กร หรือกลุ่มคนใดที่ตัดสินใจกระทำการรุกรานในลักษณะเดียวกันนี้ ซึ่งคล้ายกับการรุกรานปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ถึงปี 2554
“ผมไม่ต้องการเห็นการสู้รบใดๆ แต่ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาที่จะส่งทหารและอาวุธหนักไปที่ชายแดนเพื่อเตรียมป้องกันตัวเองในกรณีที่มีการรุกรานเพิ่มเติม
“ผมหวังว่าการเจรจาระหว่างผู้บัญชาการกองทัพบกของทั้งสองประเทศที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้จะประสบผลสำเร็จ
“ผมหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศที่จะเป็นอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือในด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
“ผมขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติของผมอย่าให้ความขัดแย้งนี้บานปลายจนกลายเป็นความเกลียดชังทางเชื้อชาติ และขอให้เชื่อมั่นในการแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ
“พวกเราเกลียดสงคราม แต่เราถูกบังคับให้ทำสงครามเมื่อเผชิญการรุกรานจากต่างชาติ เหมือนกับที่เราเคยทำในช่วงปี 2551 ถึงปี 2554 โดยใช้แนวทางสามประการ ได้แก่ แนวทางทหาร แนวทางการทูต และแนวทางกฎหมาย”