"ไพศาล พืชมงคล" ชี้ชัด! เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงขาดจากความเป็นพระแล้วตั้งแต่ยักยอกเงิน 300 ล้านไปเล่นพนันออนไลน์ ลั่นพิธีลาสิกขาเป็นเพียงพิธีการ
จากกรณี นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง-เจ้าคณะภาค 14 ถูกจับกุมดำเนินคดี ข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท ร่วมกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นนายหน้าเว็บพนันออนไลน์ และต่อมาได้กล่าวลาสิกขาในห้องสอบสวนของตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (บก.ปปป.) นั้น
ล่าสุดวันนี้ (17 พ.ค.) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยได้ระบุข้อความว่า
"พระครูปลัด ไฉนเลอะเทอะ ทำให้สังคมสับสนวุ่นวายเสียหายแก่พระพุทธศาสนา ว่าทิดแย้มยังไม่พ้นจากภิกษุภาวะ เพราะกล่าวคำลาสิกขาบทไม่สมบูรณ์ นี่เลอะเทอะที่สุด สมแล้วที่จะเป็นคนใกล้ชิดของบิ๊กแย้ม
ความจริงบิ๊กแย้มนั้นขาดจากความเป็นภิกษุมานานแล้ว ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุยักยอกเงินวัดครั้งแรกแล้ว หรือมิฉะนั้น ก็ขาดจากความเป็นภิกษุถ้าหากมีการเสพเมถุนกับสีกา ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงโอนเงิน 40 ล้านบาทให้สีกาก็ได้ การเสพเมถุนและการยักยอกทรัพย์เกินกว่า 5 บาทนี้เป็นพระวินัยที่ต้องอาบัติแล้ว เป็นปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที
พิธีการลาสิกขาบทนั้นเป็นแค่พิธีกรรม เป็นคนละเรื่องกับการขาดจากความเป็นภิกษุ และในพิธีกรรมนี้ไม่ได้มีแบบแผนที่ชัดเจน คงถือเอาเจตนากล่าวคำลาสิกขาบทเท่านั้น ซึ่งจะกล่าวคำแบบไหนก็ได้ จะมีพระสงฆ์นั่งด้วยหรือไม่ก็ได้ ในเรื่องขุนช้างขุนแผนปรากฏว่า ขุนแผนลาสิกขาบท ก็แค่ถอดจีวรออกแขวนบนต้นไม้ แล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้าขอลาสิกขาบทแล้ว เท่านี้ก็พ้นจากภาวะภิกษุโดยพิธีกรรม หรือเมื่อครั้งตะละแม่จันทรา สึกพระภิกษุจะเด็ด ซึ่งต้องพระราชอาญา และจำต้องบวชอยู่ที่วัดกุโสดอ เพื่อให้ออกไปนำทัพตองอูรบกับทัพโมนยิน
สมัยนั้นตะละแม่จันทราก็แค่ถอดสังฆาฏิ-จีวรออกจากพระภิกษุจะเด็ด และพระภิกษุจะเด็ดก็เปล่งคำว่าข้าพเจ้าขอลาสิกขาบท ณ บัดนี้ เพียงเท่านั้นก็ขาดจากความเป็นภิกษุแล้ว จะคิดริเลียนแบบพระพิมลธรรมนั้นไม่ได้ เพราะกรณีพระพิมลธรรมนั้น ท่านไม่ได้ขาดจากความเป็นภิกษุ เนื่องจากท่านทรงศีลบริสุทธิ์อยู่ และท่านไม่มีเจตนาจะลาสิกขาบท
แต่ท่านถูกถอดจีวรออกจากร่างกายเพื่อดำเนินคดีโดยท่านไม่ยินยอม ท่านจึงกระทำสัตยาธิษฐานว่า ท่านไม่ได้ลาสิกขาบท ผู้ใดเอาจีวรออกจากร่างกายของท่าน ก็ให้ถือว่าเป็นการปล้นไตรจีวรของพระสงฆ์
คำอธิษฐานของพระพิมลธรรมนั้นสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่ถอดจีวรออกจากร่างกายของท่านโดยท่านไม่ยินยอมนั้นตายโหงหมดทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นเหตุการณ์ลือลั่นเหตุการณ์หนึ่งในสมัยจอมพลสฤษดิ์ และในที่สุดศาลก็พิพากษายกฟ้อง ว่าท่านไม่ได้กระทำความผิดใดๆ
หลังจากศาลพิพากษาพ้นข้อหาแล้ว ท่านก็ยืนยันคำอธิษฐานเดิมว่าท่านยังเป็นพระภิกษุอยู่ และได้ดำรงสมณเพศอยู่ในศีลของพระภิกษุบริสุทธิ์บริบูรณ์ ท่านจึงครองจีวรเป็นพระภิกษุเหมือนเดิม ซึ่งคณะสงฆ์ก็ยอมรับว่าเป็นไปตามพระพุทธวจน ดังนั้นพวกทิดทั้งหลาย ที่ไม่ได้ทรงศีลเสมอด้วยพระพิมลธรรม อย่าริมาเฉไฉใช้แบบนี้ ไม่ได้ผลหรอก กลับจะสร้างความสับสนและเสียงก่นด่าจากประชาชนมากขึ้นอีก