วันนี้ (14 พ.ค.) ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้โพสต์ภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความระบุว่า “#หลวงพ่อบุญส่ง หรือ องสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) #พ้นมลทินกรณีถูกกลุ่มบุคคลกลั่นแกล้งดำเนินคดีอาญา จากกรณีที่หลวงพ่อบุญส่งฯ หรือ องสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) อดีตรองเจ้าอาวาส และรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร ถนนราชวงศ์ แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร (นิกายอนัม) ถูกนายก่อการ มังคลาธิมุตต์ ไวยาวัจกรของวัดสมณานัมบริหาร(วัดเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย) แจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป หรือวัตถุในทางศาสนาโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป, ยักยอก, เป็นผู้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น และข้อหาทำให้เสียทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335 ทวิ, 336 ทวิ, 352, 353, 358, 360, 360 ทวิ นั้น
วันนี้ หลวงพ่อบุญส่งฯ ได้รับหนังสือแจ้งผลการดำเนินคดีจากพนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ ว่า พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 2 มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหลวงพ่อบุญส่ง ทุกข้อกล่าวหา ทำให้ท่านหลุดพ้นมลทินจากการถูกกลั่นแกล้งของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว สำหรับคดีความที่มูลนิธิทนายกองทัพธรรมเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่หลวงพ่อบุญส่ง ด้วยการยื่นฟ้องคณะบุคคลผู้กลั่นแกล้ง ในข้อหา “ยื่นหนังสือร้องเรียนอันเป็นเท็จ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน, แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท” ต่อศาลแขวงปทุมวัน และศาลแขวงดุสิตนั้น
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ศาลแขวงปทุมวันได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.316/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.809/2567 ว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 137, 326 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษ 1 ปี และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลแขวงดุสิตได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.868/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อ.124/2568 ว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐาน “แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท” ให้ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษ 1 ปี
คำพิพากษาของศาลทั้งสองเป็นประเด็นชี้ให้เห็นว่า ที่เจ้าคณะใหญ่อนัมนิกายมีคำสั่งปลดหลวงพ่อบุญส่งฯ ออกจากการเป็นรองเจ้าอาวาส และรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร พร้อมทั้งให้ออกจากวัดกุศลสมาคร ภายใน 7 วัน โดยไม่มีการไต่สวนตามพระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคมฯ นั้น เป็นการฟังความข้างเดียว ไม่เป็นธรรมต่อหลวงพ่อบุญส่งฯ ถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเหตุให้หลวงพ่อบุญส่งฯ ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง และเกียรติภูมิในความเป็นบรรพชิต หรือพระ ดังนั้น...เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ ? ทั้งนี้ มูลนิธิทนายกองทัพธรรม จะเรียกร้องขอคืนความเป็นธรรมให้กับ หลวงพ่อบุญส่ง หรือ องสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) จนกว่าจะถึงที่สุด
สำหรับประวัติการทำงานของหลวงพ่อบุญส่ง หรือ องสรภาณมธุรส (พชรกรโกศล) ท่านเป็นพระนักพัฒนาที่ความรู้ความสามารถสูง มีตำแหน่งเป็นประธานฝ่ายการศาสนศึกษาคณะสงฆ์อนัมนิกาย, ประธานสงฆ์อนัมนิกายในสหรัฐอเมริกา เป็นผู้จดทะเบียนจัดตั้ง Anamnikaya Association ณ เมืองลอสแองเจลิส
สหรัฐอเมริกา, เป็นรองปลัดขวา, เป็นผู้รับใบอนุญาต และผู้จัดการโรงเรียนมหาปัญญาวิทยาลัย ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา, พูดได้ 4 ภาษา, เป็นอดีตรองเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร และอดีตรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร, เป็นประธานจัดงานศพพระมหาคณานัมธรรมปัญญาธิวัตร อดีตเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย/เจ้าอาวาสวัดกุศลสมาคร โดยจัดหาเงินทุนมาจัดงานในนามคณะสงฆ์อนัมนิกายเป็นเงินจำนวน 5,932,396.41 บาท และจัดหาทุนมาบูรณปฏิสังขรณ์อาคารต่างๆ ภายในวัดกุศลสมาคร เป็นเงิน จำนวน 4,133,444.13 บาท
นอกจากนี้ ท่านยังได้ปรับปรุงการบริหารกิจการภายใน เพื่อประโยชน์ของวัดกุศลสมาครหลายอย่าง โดยเฉพาะบริหารการเก็บเงินค่าจอดรถใหม่ ทำให้กลุ่มผู้จัดเก็บเดิมสูญเสียผลประโยชน์จำนวนมาก จนเกิดความไม่พอใจ และร่วมกันหาทางกลั่นแกล้งท่านให้ได้รับความเสียหาย มูลนิธิทนายกองทัพธรรม “ธำรง ไม่ทำลาย พระพุทธศาสนา” ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช (ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม)”