xs
xsm
sm
md
lg

รัสเซียรำลึก 80 ปี แห่งชัยชนะของสหภาพโซเวียตในมหาสงครามเพื่อปกป้องปิตุภูมิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


OLGA MALTSEVA : AFP
บทความโดย นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย

ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันที่พวกเราจะร่วมรำลึกถึงวันแห่งชัยชนะที่จะมาบรรจบครบรอบ 80 ปี ของอดีตสหภาพโซเวียตในมหาสงครามปกป้องปิตุภูมิ ที่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2484 เป็นช่วงเวลาที่นาซีเยอรมันได้โจมตีสหภาพโซเวียตโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า และวันนี้ได้กลายเป็นความทรงจำของมวลมนุษยชาติ เมื่อเวลาได้ผ่านไป จากที่เราเคยมีคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ปัจจุบันนี้มีจำนวนลดลง ทำให้ความทรงจำในยุคที่มืดมนที่สุดของโลกค่อยๆ เลือนหายไป แม้จะเป็นความทรงจำร่วมกันของผู้คนในหลายประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความยากลำบากร่วมกันในสงคราม คนกลุ่มนี้ก็ลดน้อยลงไปเช่นกัน

ทุกวันนี้เราได้เห็นแต่ผู้คนที่อยู่ในสังคมและมีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากได้มีตรรกะที่เปลี่ยนไปเพื่อตอบสนองความคิดที่ไม่ดีของตนเอง พวกเขาได้ลดความสำคัญของอาชญากรรมสงครามที่ทำต่อสหภาพโซเวียตในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติครั้งนั้น บางคนก็คิดแค่ว่าสงครามเกิดจากประเทศเดียว ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์และความจริงที่เกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ทำลายความเสียสละที่ประชาชนชาวโซเวียตได้ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะเหนือลัทธิฟาสซิสต์
ปัจจุบันเป็นยุคที่เต็มไปด้วยข่าวปลอมและไม่มีความจริง ดังนั้นเราควรเตือนตัวเองเสมอเกี่ยวกับมหาสงครามเพื่อปกป้องปิตุภูมิหรือมหาสงครามแห่งความรักชาติที่เรารู้จักกันในบริบทของสงครามโลกครั้งที่ 2 และให้ระลึกถึงความหมายของมันในปัจจุบัน

ในช่วงเวลานั้น กองกำลังฟาสซิสต์ในยุโรปได้พ่ายแพ้ให้กับกองกำลังของสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอีกหลายๆ ประเทศ หากปราศจากการสนับสนุนของทุกประเทศจะทำให้ชัยชนะครั้งนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เลย ตอนนั้นเกิดการสู้รบกันอย่างดุเดือดในกรุงมอสโก สตาลินกราด เคิร์สก์ และอีกหลายๆ เมืองในอดีตสหภาพโซเวียตและผลของสงครามคือกองทัพนาซีและพวกพ้องต้องประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่และถอยทัพไปในที่สุด

กองทัพโซเวียตได้ค่อย ๆ ทำลายตำนานความแข็งแกร่งของกองทัพนาซีที่นำโดยฮิตเลอร์ และได้ทำลายขวัญและกำลังใจของเยอรมนี โดยความพ่ายแพ้ของกองทัพนาซีกว่า 70% เป็นการสู้รบกับสหภาพโซเวียต ในช่วงเวลานั้นมีจำนวนกว่า 62 ประเทศร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่การต่อสู้ได้หนักหน่วงที่สุดกับสหภาพโซเวียตที่ทำให้สูญเสียไปกว่า 26 ล้านคน ทั้งเมือง หมู่บ้าน โรงงาน เหมืองแร่ ทางรถไฟถูกทำลายลง ประเทศต้องสูญเสียความมั่งคั่งไปเป็นจำนวนมากในสงครามครั้งนั้นและเป็นตัวเลขความสูญเสียที่มีมูลค่ามหาศาลเพื่อแลกกับสันติภาพที่ยั่งยืน ในประเทศรัสเซีย เบลารุส ยูเครน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน อาร์เมเนีย และประเทศอื่นๆ ในอดีตสหภาพโซเวียต กล่าวได้ว่าไม่มีครอบครัวใดไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนั้น
หลายคนมีคุณปู่ที่ร่วมรบในสงครามและสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ ที่ได้ร่วมรบในแนวหน้าของสมรภูมิ บางคนต้องทำงานในคลังอาวุธเป็นเวลานานเพื่อให้กองทัพได้มีกระสุนและเสบียงอย่างต่อเนื่อง บางคนมีญาติพี่น้องที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานอยู่ในค่ายกักกันแรงงาน

เสียงสะท้อนจากสงครามได้รวมทุกประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นบทเรียนแห่งความทรงจำที่ส่งต่อถึงลูกหลานของพวกเขาที่ได้รับชัยชนะในครั้งนั้นและปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 80 ปี ในการรำลึกถึงการสิ้นสุดของมหาสงครามเพื่อปกป้องปิตุภูมิในครั้งนั้น

สำหรับคนที่เคยอยู่ในยุคสหภาพโซเวียต รวมถึงนักการทูตและครอบครัวของพวกเขาที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร วันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ในการให้การระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์และสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ในวันนี้ที่ประเทศรัสเซียจะมีการรำลึกถึงของประชาชนที่อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะและสุสานของผู้ล่วงลับ จัดวางดอกไม้และพวงหรีด ผู้คนนับล้านจะมารวมตัวกันที่ใจกลางเมืองของแต่ละเมืองในประเทศรัสเซีย และมีกลุ่มคนที่ถือรูปของปู่ ย่า ตา ยาย และญาติของพวกเขาเพื่อเดินขบวนในการระลึกถึงพวกเขาในชื่อว่ากองทหารอมตะ

นาย Evgeny Tomikhin เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย
ในวันนี้สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของรัสเซียจะออกอากาศภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม และมีคอนเสิร์ตที่ขับร้องจากศิลปินหลากหลายวัย บทเรียนและประสบการณ์จากสงครามและบทบาทของสงครามต่อหน้าประวัติศาสตร์ของโลกที่นำไปสู่ผลกระทบที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนได้สะท้อนออกมาในรูปแบบของหนังสือ ภาพวาด บทละคร และการแสดงออกเชิงวัฒนธรรมมากมาย โดยบางส่วนของผลงานที่ได้รับการยอมรับมาโดยตลอดได้แก่ Life and Fate ผลงานของ Vasily Grossman, The Dawns Here Are Quie ผลงานของ Boris Vasilyev หรือ Wait for Me ผลงานของ Konstantin Simonov เป็นต้น

ชัยชนะที่ได้มาด้วยความยากลำบากของคนยุคนั้นจะเป็นเครื่องเตือนใจให้เรายกย่องการกระทำของพวกเขาในอดีตที่ชาวสหภาพโซเวียตทุกคนยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างทั้งเลือดเนื้อ ความกล้าหาญ ความเพียรพยายาม ความแข็งแกร่ง และชีวิตของตัวเองเพื่อสันติภาพ วันแห่งชัยชนะนั้นเป็นอีกวันที่เศร้าโศกในการรำลึกถึงความเสียสละทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำ
ชีวิตที่สูญเสียไปในสนามรบและค่ายกักกัน และดินแดนที่ถูกยึดครอง ขอให้พวกเราทุกคนจงจดจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2484 หรือเมื่อ 80 ปีก่อน ซึ่งเป็นปีที่ทหารโซเวียตธรรมดาๆ ได้รับชัยชนะจากสงครามที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ.


กำลังโหลดความคิดเห็น