CODE CLEAN ยกระดับแพลตฟอร์มร้านสะดวกซักอัจฉริยะ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วยระบบอัตโนมัติครบวงจรรายเดียวในไทย วางโรดแมป 3 ปี ทุ่มงบ 300 ล้านบุกตลาดเต็มพิกัด จับมือพันธมิตรลุยเปิดสาขาที่ 7-Eleven ปั๊มบางจาก รุกตลาดต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าขยายแฟรนไชส์ เจาะกลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income เป็นได้ทั้งงานประจำและธุรกิจเสริม ชูจุดขายโมเดลแฟรนไชส์ที่ยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย คืนทุนเร็ว ไม่เก็บค่า GP ไม่เก็บส่วนแบ่งรายได้ พร้อมโปรแกรมแฟรนไชส์ผ่อนได้ที่ช่วยให้คนทุนน้อยเป็นเจ้าของร้านง่ายขึ้น
นายณพัฒน์ เบญญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอชแอนด์โก จำกัด ผู้ให้บริการร้านสะดวกซักอัตโนมัติ และผู้ให้บริการธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักอัตโนมัติ ภายใต้แบรนด์ ‘CODE CLEAN’ เปิดเผยว่า CODE CLEAN เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะยกระดับธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทยให้มีความทันสมัยและสะดวกสบายมากขึ้น โดยมุ่งแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการร้านสะดวกซัก ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการเหรียญ การเติมสินค้า ตลอดจนความสะดวกในการดูแลร้าน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น
“เราต้องการให้ร้านสะดวกซักมีความ ‘สะดวก’ อย่างแท้จริง จึงได้นำเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อทำให้ CODE CLEAN เป็นร้านสะดวกซักอัจริยะ โดยพัฒนาเครื่อง Vending ให้เป็น ‘Central Payment’ ที่รองรับการชำระเงินทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเหรียญ ธนบัตร สแกนจ่าย หรือใช้คะแนนแลกส่วนลด ผู้ใช้บริการจึงไม่ต้องแลกเหรียญอีกต่อไปนอกจากนี้ ยังได้พัฒนาระบบ Vending ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยเชื่อมต่อการทำงานของเครื่องซัก เครื่องอบ ตู้จำหน่ายสินค้า เข้าไว้ด้วยกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการสามารถชำระเงิน และสั่งงานเครื่องได้ครบในจุดเดียว ซึ่งจุดเด่นเรื่องความสะดวก รวมถึงการซักที่สะอาด การบริการที่ดี โปรโมชันที่ดึงดูด และแคมเปญที่ทำร่วมกับพาร์ตเนอร์ เช่น การแลกคะแนนจาก 7-Elevenบางจาก ทรูมันนี่ ทำให้เราได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็ว” นายณพัฒน์กล่าว
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีของ CODE CLEAN ยังได้เพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของร้าน ทำให้ไม่ต้องคอยเติมเหรียญ และยังมีแดชบอร์ดที่ช่วยให้เจ้าของร้านควบคุมการดำเนินงาน ตรวจสอบยอดขายและสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์ มีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ และมีฟังก์ชันวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก จึงลดภาระเจ้าของร้าน ไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำร้าน ไม่ต้องเข้าร้านบ่อย
CODE CLEAN ยังให้การสนับสนุนแฟรนไชซีแบบครบวงจร ตั้งแต่การฝึกอบรม การดูแลร้าน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การควบคุมมาตรฐาน พร้อมทีมช่างที่คอยดูแลเครื่องตลอดสัญญา และฝ่ายบริการลูกค้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยเจ้าของร้าน ที่คอยแก้ปัญหาและตอบข้อสงสัยของผู้ใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งCODE CLEAN นับเป็นผู้ให้บริการร้านสะดวกซักรายเดียวที่ลงทุนระบบไอที ที่ทำให้ทีมงานสามารถรีโมตเข้าไปแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการแทนเจ้าของร้าน
“ธุรกิจร้านสะดวกซักมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว เพราะการซักผ้าเป็นกิจกรรมจำเป็นของทุกคน เราตั้งใจทำให้ CODE CLEAN เป็นธุรกิจที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income ไม่ว่าจะทำเป็นรายได้หลัก หรือทำเป็นธุรกิจเสริมควบคู่กับงานประจำ โดยสามารถสร้างรายได้ 24 ชั่วโมง ไม่ต้องใช้แรงงานมาก เจ้าของร้านสามารถควบคุมทุกอย่างได้ผ่านมือถือ และคืนทุนได้ภายใน 3-5 ปี” นายณพัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ CODE CLEAN ยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มระบบเซ็นเซอร์ เพื่อให้เจ้าของร้านตรวจสอบปริมาณก๊าซ จำนวนเงินสด ระดับน้ำ อุณหภูมิน้ำ และสามารถคำนวณค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าก๊าซ เพื่อพิจารณาผลกำไรแบบเรียลไทม์ รวมทั้งมีการลงทุนในเทคโนโลยี AI และ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก ทางด้านผู้ใช้บริการ CODE CLEAN ได้พัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ เช่น รับ-ส่งผ้าถึงบ้าน บริการแม่บ้านในแอปพลิเคชัน และอื่นๆ ซึ่งจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
ด้วยโมเดลธุรกิจที่ครบวงจร คุ้มค่ากับการลงทุน ผนวกกับระบบเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บริการหลังการขาย และความจริงใจของผู้บริหารที่ต้องการให้เจ้าของร้านประสบความสำเร็จ ทำให้ CODE CLEAN เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด
นายกฤษฎา ดาบเพ็ชร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท วอชแอนด์โก จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน CODE CLEAN มีสาขากระจายอยู่ใน 36จังหวัด รวม 215 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 73 สาขา แฟรนไชส์ 142 สาขา โดยได้วางแผนธุรกิจในระยะ 3 ปี ด้วยเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาด 20% เพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา 20% ต่อปี และขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกจังหวัดที่มีประชากรเกิน 500,000 คน ซึ่งมี 53 จังหวัด รวมถึงการเพิ่มสาขาใน สปป.ลาว และประเทศอื่นๆ
โดยการขยายสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของจะใช้งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ปีละ 30 สาขา โดยใช้กลยุทธ์การจับมือกับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนแบบ Joint Venture รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ในการเลือกทำเลยุทธศาสตร์ เช่น ร้าน 7-Eleven และสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ส่วนการขยายแฟรนไชส์ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสาขาใหม่ปีละ 70 สาขา ผ่านกลยุทธ์การนำเสนอแพกเกจลงทุนที่คุ้มค่า ยืดหยุ่น พร้อมข้อเสนอพิเศษไม่เก็บค่าแฟรนไชส์ 3 ปีแรก รวมทั้งไม่เก็บค่า GP และส่วนแบ่งทางการตลาดตลอดสัญญา
สำหรับรูปแบบการลงทุนของ CODE CLEAN ถูกออกแบบให้ครอบคลุมการลงทุนทุกระดับทุน ตั้งแต่ S, M, M+, L, XL โดยเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องปั๊มน้ำ ระบบน้ำ-ไฟ-ก๊าซ และการตกแต่ง พร้อมเปิดร้านได้ทันที อีกทั้งยังมีโครงการ ‘ย้ายค่าย ไม่ย้ายเครื่อง’ เพื่อให้ร้านที่ไม่ใช่แฟรนไชส์มาเป็นแฟรนไชซีกับ CODE CLEAN และโปรแกรม ‘CODE CLEAN สะดวกซัก สะดวกผ่อน’ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเริ่มต้นธุรกิจได้โดยวางเงินดาวน์เพียง 50% และผ่อนส่วนที่เหลือกับบริษัทโดยตรงเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งโปรแกรมนี้จะมีจำนวนจำกัดในงานอีเวนต์สำคัญ เช่น Thailand Franchise Business Opportunities 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 4-7 มิถุนายน 2568 ที่ไบเทค บางนา
“เราไม่เพียงมุ่งมั่นทำให้ธุรกิจเติบโต แต่ยังให้ความสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการดำเนินงานภายใต้แนวคิด ESG โดยพัฒนาระบบบำบัดน้ำทิ้งที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนปล่อยออกจากร้าน และเตรียมนำพลังงานสะอาดมาใช้ ในด้านสังคม เราให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตพนักงาน และดำเนินกิจกรรม CSR เพื่อคืนประโยชน์สู่สังคม ส่วนด้านธรรมาภิบาล แม้เราเป็นบริษัทขนาดกลาง แต่ก็มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุนและผู้ใช้บริการ” นายกฤษฎากล่าวทิ้งท้าย