กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ออกมาชี้แจง ปมตัด 5 ยาแผนปัจจุบันให้ใช้สมุนไพรแทน ยันไม่บังคับ เป็นอำนาจ ผอ.พิจารณา แต่มีรางวัลสูงสุด 2 แสนบาทให้โรงพยาบาลที่เปลี่ยนไปใช้สมุนไพร 5 รายการหลักแทนยาแผนปัจจุบัน
จากกรณี "Remrin" แฉนโยบายรัฐสั่งโรงพยาบาลลดจ่ายยาแผนปัจจุบัน หันใช้สมุนไพรแทน หวั่นซ้ำเติมผู้ป่วย-แพทย์ไร้ทางเลือก อีกทั้งเป็นการสร้างภาระทางงบประมาณอีกด้วย
ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.) มีรายงานว่า นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ชี้แจงกรณี รพ. นำยาแผนปัจจุบันออกจากระบบ เปลี่ยนเป็นยาสมุนไพร ว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่สนับสนุนการใช้สมุนไพรใน 10 กลุ่มอาการที่สามารถแทนยาแผนปัจจุบันได้ โดยมีการศึกษาและวิจัยแล้ว
นพ.สมฤกษ์กล่าวว่า ยาที่ใช้ใน รพ.ต้องขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งมีทั้งยาแผนไทยและแผนปัจจุบันรวม 400-500 รายการ จากยาที่มีกว่าหมื่นรายการ เพื่อให้การจ่ายยาเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล โดยแพทย์สามารถสั่งจ่ายยาสมุนไพรที่ขึ้นทะเบียนได้เช่นเดียวกับยาแผนปัจจุบัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการศึกษาการใช้ยาสมุนไพร ซึ่งมี สปสช.และ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เห็นว่าสามารถนำยาแผนปัจจุบัน 5 รายการ ออกจากระบบสั่งจ่ายยาใน รพ. และให้จ่ายยาสมุนไพรแทน ได้แก่
อาการปวดเมื่อย ใช้ครีมไพล แทน Analgesic balm
อาการไอ ใช้ประสานมะแว้ง แทน M Tussis (ชนิดน้ำ)
อาการท้องอืด ใช้ขมิ้นชัน แทน M Carminative
อาการท้องผูก ใช้มะขามแขก แทน Bisacodyl
อาการริดสีดวง ใช้เพชรสังฆาต แทน Draflon
นพ.สมฤกษ์ย้ำว่า กรมแพทย์แผนไทยฯ เป็นผู้พิจารณารายการยา แต่ไม่สามารถบังคับ รพ.ให้นำออกได้ เป็นอำนาจของ ผอ.รพ. และแม้จะตัดยาแผนปัจจุบันออก ก็ยังมีตัวอื่นทดแทนได้
ส่วนกรณีงบประมาณ 60 ล้านบาท ที่ให้รางวัล รพ. จ่ายยาสมุนไพรสูงสุดนั้น นพ.สมฤกษ์กล่าวว่าเป็นขวัญกำลังใจ และเมื่อหารเฉลี่ยกับ รพ.กว่า 700 แห่งทั่วประเทศ ถือว่าไม่สูง โดยมีเกณฑ์ให้รางวัล คือ นำยาแผนปัจจุบันออกได้ 3 รายการ ได้ 5 หมื่นบาท, 4 รายการ ได้ 1 แสนบาท และ 5 รายการ ได้ 2 แสนบาท
นอกจากนี้ นพ.สมฤกษ์ยืนยันว่าแพทย์ยังสามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันได้ตามปกติ และการใช้ยาสมุนไพรมีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการสั่งจ่ายยาและให้ข้อมูลอย่างละเอียด