xs
xsm
sm
md
lg

นักท่องเที่ยวไทยเล่านาทีระทึกติดบนรถไฟหลังเกิดเหตุไฟดับทั่วสเปน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สาวไทยเล่าประสบการณ์ระทึกหลังเดินทางไปเที่ยวประเทศสเปนขณะเกิดไฟดับจนเจ้าตัวติดอยู่ในรถไฟ เมื่อออกมาได้โชคดีคนในพื้นที่หอบน้ำดื่ม-อาหารมาแบ่งให้กิน พร้อมเผยว่าใจดีเหมือนคนไทย

จากสถานการณ์เกิดเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในยุโรป กระทบ 4 ประเทศ โปรตุเกส อันดอร์รา สเปน และฝรั่งเศส ยังไม่ทราบสาเหตุ โดยส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการสัญจรตามท้องถนนและระบบขนส่งมวลชน รถไฟหยุดวิ่งทั้งหมด การจราจรในตัวเมืองใหญ่รถติดหนัก สัญญาณไฟจราจรไม่ทำงาน ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ส่งผลกระทบไปถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต

ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Jom Intarakrit" ซึ่งเป็นคนไทยได้เดินทางไปเที่ยวประเทศสเปนขณะเกิดเหตุดังกล่าว ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ลงในกลุ่ม “เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง”

โดยเล่าว่า “ตกเป็นผู้ประสบภัยตัวจริงในเหตุการณ์ที่สเปนไฟดับทั้งประเทศค่ะ นั่งรถไฟจาก Seville มา Madrid ตั้งแต่ 11 โมง พอถึงกลางทาง อยู่ดีๆ รถไฟก็จอด เรานึกว่ามีเหตุอะไรนิดหน่อย เดี๋ยวคงไปต่อ
สักพักเจ้าหน้าที่มาบอกว่าไฟดับทั้งประเทศ ลามไปถึงโปรตุเกส เบลเยียม ฝรั่งเศส

อีนี่เริ่มรู้สึกไม่ปกติ ตั้งสติว่าต้องใช้โทรศัพท์ให้น้อยเพื่อให้แบตฯ หมดช้าที่สุด และส่งข้อความบอกเพื่อนไว้ (ยังไม่บอกที่บ้าน เดี๋ยวแม่กรี๊ด)

หลายคนเช็กข่าวและบอกกันว่าจะไม่กลับมาปกติเร็วแน่ๆ อย่างน้อย 6-10 ชั่วโมง ในรถไฟร้อนระอุมาก และในที่สุดก็เปิดประตูให้ออกมาข้างนอกได้ เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะแดดข้างนอกก็แผดเผาสุดๆ

ในเรื่องร้ายๆ ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เพราะเราเห็นหลายคนเดินเอาน้ำมาแจกจ่าย เจ้าหน้าที่ของรถไฟเอาขนมมาแจกจ่ายโดยขอให้กับเด็กๆ และคนชราก่อน สักพักพอคนในหมู่บ้านใกล้ๆ มาเจอ ก็ขนเสบียงสารพัดสิ่ง ทั้ง น้ำ ขนม ผลไม้ แซนด์วิชมาแจกแบบชุดใหญ่ เพิ่งเข้าใจที่เคยได้ยินว่าคนสเปนนิสัยคล้ายคนไทยก็หนนี้ จะเกิดอะไรยังไงท้องอิ่มไว้ก่อนจริงๆ

ราวๆ 6 โมงเย็น เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมีรถมารับคนทั้งหมดไปในเมืองเล็กๆ ที่ใกล้ที่สุดเพื่อบริหารจัดการกันที่นั่น และเป็นไปได้ยากมากที่จะไป Madrid ในวันนี้ เพราะที่นั่นวุ่นวายอุตลุดสุดๆ ไม่มีรถไฟ ไม่มี Metro ไม่มีสัญญาณไฟจราจร ไม่มีไฟฟ้า ระบบอินเทอร์เน็ตล่ม โกลาหลอลหม่านมาก

เมืองที่มาคือ Puertollano ที่นี่เปิด Stadium ให้เป็นที่พัก ทำข้าว แจกน้ำ หาที่นอนมาให้ สัมผัสได้เลยว่าเขาพยายามดูแลทุกคนให้ทั่วถึง สัก 3 ทุ่ม เริ่มมาแจ้งว่า จะมีรถไปที่เมืองนั้น เมืองนี้ ให้เตรียมขึ้นรถได้เลย แต่ไม่มี Madrid นะจ๊ะ เจ้าหน้าที่ยังคง Say No impossible อยู่ค่ะ

เที่ยงคืนแล้ว เราเหลือบไปเห็นมีคนหยิบสายชาร์จโทรศัพท์ ก็เลยถาม ได้ความว่ามีจุดที่ให้เสียบชาร์จได้ ก็เลยตามเขาไปชาร์จ อย่างน้อยมีแบตฯ โทรศัพท์ไว้ก็อุ่นใจ

นั่งชาร์จอยู่สัก 15 นาที มีคนตะโกน Madrid Madrid วิ่งไปถาม เลยรู้ว่ากำลังจะมีบัสคันหนึ่งวิ่งไปมาดริด แต่ต้องจ่ายคนละ 20 ยูโร วิ่งไปหยิบของอย่างเร็วเลยค่ะ คนทั้งหมดเกือบ 300 มาออกันที่รถบัส

เราใช้กลยุทธ์โยนกระเป๋าใบใหญ่เข้าใต้ท้องรถก่อนแล้วก็มุดไปอยู่ใกล้ๆ ประตู ทันใดนั้นก็เกิดการหยุมหัวกันขึ้น ฝรั่งผู้ชายตัวใหญ่จิกหัวผู้หญิง และใช้กำลังผลักจนตัวเองขึ้นไปบนรถได้

ตำรวจที่มาช่วยดูแลเข้าชาร์จและลากลงทันที วุ่นวายจนตำรวจต้องมายืนขึงกันที่ประตูรถ และคัดคนว่าจะให้ใครไปก่อนได้บ้าง โดยยังให้สิทธิ์คนชรา กับครอบครัวที่มีเด็กเล็กก่อน แล้วก็มีบางคนพูดสเปนเขาก็ปล่อยขึ้นรถไป

เราเลยสะกิดคุณพี่ตำรวจบอกว่า กระเป๋าชั้นอยู่ใต้รถแล้ว และเราก็มาคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ ขอไปได้มั้ย ตำรวจหันไปคุยกันยก 1 นิ้ว ถามเราพอเราพยักหน้าก็เลยได้ขึ้นรถ โชคดีที่มีเงินสดติดตัว เพราะรถบัสรับแต่เงินสดเท่านั้น ถ้าไม่มีต้องลง ตื่นเต้นและระทึกมาก

นั่งรถบัสถึงมาดริดตอนตี 3 ครึ่ง ต่อแท็กซี่มาโรงแรม เช็กอินเรียบร้อย ตอนนี้ตี 5 ยังตาค้างอยู่ เลยมาเขียนเล่าไว้ค่ะ

เป็นอีกประสบการณ์ที่จะจำได้ไม่ลืมจริงๆ รู้สึกดีใจและอิ่มเอมมาก ตอนที่เห็นคนออกมาช่วยเหลือ ขนของมาแจก และเห็นมุมที่คนต้องเอาตัวรอดจนทำร้ายคนอื่นด้วยเช่นกัน

การได้เจอะเจอประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบนี้แหละมั้งคือความทรงจำและแรงผลักที่ทำให้เราชอบออกไปท่องโลกกว้างเสมอมา”

คลิก>>>อ่านโพสต์ต้นฉบับ












กำลังโหลดความคิดเห็น