เปิดอีกปมตึก สตง.ถล่ม ปลอมลายเซ็นวิศวกรผู้ควบคุมงานและวิศวกรผู้ออกแบบ หวังลดค่าใช้จ่ายจ้างวิศวกร ซ้ำมีพิรุธให้เวลาออกแบบเพียง 180 วัน กรมโยธาฯ ออกแบบให้ไม่ทัน จึงได้สิทธิไปจ้างบริษัทเอกชน เปิดตัว “ปฏิวัติ ศิริไทย” ซีอีโอและเจ้าของ “พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์” 1 ใน 3 บริษัทในกิจการร่วมค้า PKW รู้จักทั้งอดีตผู้ว่า-รองผู้ว่า-ประธาน สตง. อยู่เบื้องหลังการออกแบบให้มีห้องประชุมขนาดใหญ่ ใช้ระบบเครื่องเสียงมูลค่า 400 ล้านบาทหรือไม่
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงขบวนการทุจริตในการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างและตกแต่งอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ หลังจากที่เคยฟันธงไปแล้วว่ามีเงื่อนงำในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และพบว่าเป็นขบวนการคอร์รัปชันที่ยิ่งใหญ่และลึกลับซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ทำข่าวมา 50 กว่าปี
ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างโครงการนี้ยิ่งขึ้นไปอีก กล่าวคือ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่าง ภายใต้สภาวิศวกร และวุฒิวิศกร สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อลงบันทึกประจำวัน กรณีปรากฏชื่อตนเองเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในความรับผิดชอบของ กิจการร่วมค้า PKW ผู้รับจ้างควบคุมงาน โดยระบุในเอกสารแบบแปลน ว่า “นายสมชาย ทรัพย์เย็น ผู้จัดการโครงการ ลงนามให้ปรับแก้ Core Lift ตามแบบขยายที่ผู้ออกแบบได้ปรับแก้ และมีแบบแปลนที่ลงชื่อ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข เป็นผู้ควบคุมงาน ของกิจการร่วมการค้า PWK”
ทั้งนี้ ในใบแจ้งความของนายสมเกียรติ ระบุว่า ตนเพิ่งทราบว่าถูกแอบอ้างชื่อเป็นผู้ควบคุมงานดังกล่าว เมื่อมีการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ติดตามการบริหารงบประมาณ กรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ที่ถล่มอันเกิดจากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเสนอเอกสารในการประชุมและมีเอกสารแบบแปลนการแก้ไขบางส่วนในตัวอาคารดังกล่าว ปรากฏชื่อตนเองเป็นผู้ควบคุมงาน ทั้งยังมีลายมือชื่อเซ็นรับรอง โดยที่ตนเองไม่เคยทราบมาก่อน และไม่เคยเซ็นรับรองในเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด จึงมาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นดังกล่าวให้ถึงที่สุด
นายสมเกียรติ ยืนยันว่าตั้งแต่โครงการอาคาร สตง.นี้ มีการดำเนินการก่อสร้างมา ไม่เคยเข้าไปดูงาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชื่อตัวเองและยังมีการปลอมลายเซ็น
ต้อมาวันที่ 14 เมษายน นายสมเกียรติ พร้อมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ก็เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง อีกครั้ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างชื่อในเอกสารแก้ไขแบบปล่องลิฟต์ อาคาร สตง.แห่งใหม่และ ในฐานะผู้ควบคุมงานโดยยืนยันว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการโครงการสร้างอาคารดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าปี 2563 ได้รับติดต่อมาจากกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งตนไม่ได้รู้จักกับกิจการร่วมค้านี้แต่อย่างใดแต่รู้จักบุคลากรที่เกี่ยวข้องในกิจการร่วมค้านี้ ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่บุคคลที่ติดต่อมาก็หายเงียบไปเอง โดยไม่ได้มีการตกลงเซ็นเอกสารใดๆ ให้กับบุคคลรายนี้
นายสมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า พอเป็นข่าวขึ้นมา มีบุคคลซึ่งคาดว่ามาจากกลุ่มกิจการร่วมค้า PKW ได้ติดต่อในลักษณะที่ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้วจะทำอย่างไรได้บ้าง ตนเองได้บอกว่า เรื่องมาถึงขนาดนี้ ซึ่งมีการแอบอ้างชื่อตนมาตั้ง 5 ปี คงช่วยอะไรไม่ได้
นายสมเกียรติ บอกอีกว่า ได้เห็นลายเซ็นในเอกสารแก้ไขแบบปล่องลิฟต์แล้ว ลายเซ็นปลอมทั้งหมด โดยตำแหน่งของตนเองที่ถูกเอาไปอ้าง คือ ผู้จัดการโครงการ ถือว่าเป็นตำแหน่งใหญ่มาก ซึ่งตัวเองจบวิศวะมา 2 สาขา คือ สาขาวิศวะโยธา และ วิศวะสิ่งแวดล้อม ในส่วนที่เอาไปแอบอ้าง คือสาขาวิศวะโยธา ซึ่งอัตราค่าจ้างเป็นรายเดือน หากรับงานราชการ ก็จะได้ประมาณเดือนละ 1 แสนบาทจึงคาดว่า บริษัทที่แอบอ้างชื่ออาจจะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
หลังจากนั้น วันอังคารที่ 15 เมษายน นายสมเกียรติได้เข้าให้ข้อมูลกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดย พ.ต.อ.ทวี รับปากว่า จะนำลายเซ็นที่ปรากฎในใบผู้ควบคุมงานกิจการร่วมค้า หรือ ลายเซ็นปลอม ไปตามหาผู้แอบอ้างลงนามมาดำเนินคดี
นอกจากเรื่องการปลอมลายเซ็นแอบอ้างชื่อนายสมเกียรติเป็นวิศวกรคุมโครงการก่อสร้างแล้ว ก็มีเรื่องแอบอ้างชื่อวิศวกรคนเซ็นแบบแดงขึ้นมาอีก
กรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้เชิญตัวนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่ถูกแอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นเป็นผู้ควบคุมงานสร้างตจึก สตง.เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยาน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีข้อมูลสำคัญชุดหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชน คือ บุคคลที่เซ็นชื่อเป้นผู้ออกแบบก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งนี้คือ วิศวกร อายุ 85 ปี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า ปกติเวลางานของราชการจะสร้างอะไร ราชการจะต้องเป็นผู้ออกแบบ โดยให้กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบ แต่ในกรณีของ สตง.ทั้งสองหน่วยราชการไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ เนื่องจาก สตง.ได้ขอให้มีการเร่งออกแบบภายใน 180 วัน เมื่อออกแบบไม่ทัน ก็เป็นสิทธิที่หน่วยงานที่สามารถไปจ้างเอกชนเป็นผู้ออกแบบ ซึ่งผู้ออกแบบก็ต้องเป็นวิศวกร ขณะนี้จึงพบว่ารายชื่อผู้ออกแบบที่เซ็นชื่อ มีอายุ 85 ปี ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานโดยเร็ว
ซึ่งตรงนี้ก็มีพิรุธ ตรงที่มีการเร่งรัดการออกแบบ ให้หน่วยงานราชการดำเนินการไม่ทัน ต้องไปแจ้งบริษัทเอกชนออกแบบแทน
ส่วนวิศวกร อายุ 85 ปี คนเซ็นชื่อออกแบบก่อสร้างอาคาร สตง.มีชื่อว่า นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ย่าง 86 ปี ตามทะเบียนบ้านอาศัยอยู่ที่ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
ทั้งนี้ นายพิมล เจริญยิ่ง ชี้แจงว่า ตนเองเป็นวิศวกร ของ บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ที่รับผิดชอบงานออกแบบอาคาร สตง. แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับงานนี้ด้วย ขอให้ไปสอบถามข้อมูลจากบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด จะดีกว่า
ส่วนที่มีลายเซ็นในแบบก่อสร้างนายพิมล ตอบว่า“ไม่รู้เรื่องด้วย ปัจจุบันอายุ 85 ปี แล้ว ไม่ได้ออกแบบมานานแล้ว ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ไปถามบริษัทดีกว่า”
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับงานออกแบบอาคาร สตง.แห่งใหม่นั้น เอกชนที่ได้รับงานวงเงิน 73 ล้านบาท มี 2 บริษัท ร่วมกันคือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทไทย สำนักงานตั้งอยู่ที่ ถ.รัชดาภิเษก และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ที่ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ โดย ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) นั้นเป็นบริษัทย่อยของบริษัทข้ามชาติ เป็นสาขาของไมน์ฮาร์ท กรุ๊ปที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องที่มีพิรุธ และมีเงื่อนงำอย่างยิ่ง สำหรับกรณีวิศวกรทั้ง 2 คนที่มีชื่อไปเกี่ยวข้อง และรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้าง และออกแบบอาคาร
หนึ่ง คือ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่ถูกอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นว่าเป็นผู้ควบคุมงาน ของกิจการร่วมการค้า PWK
สอง คือ นายพิมล เจริญยิ่ง วิศวกร อายุ 85 ปี ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ออกแบบ อาคาร สตง. จริงหรือไม่ แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ได้ทำงานออกแบบมาหลายปีแล้ว
แต่มีอีกคนหนึ่งที่ควรออกมาชี้แจงเรื่องนี้ เพราะน่าจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง คือนายปฏิวัติ ศิริไทย ซีอีโอ และเจ้าของบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด ซึ่งเป็น 1 ใน3 บริษัทในกิจการร่วมค้า PKW ที่ได้งานควบคุมการก่อสร้าง ตึก สตง.ในวงเงิน 74.65 ล้านบาท โอยอีก 2 บริษัท คือ ว.และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด และ เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด
ซึ่งชื่อของกิจการร่วมค้า PKW นั้น P ตัวแรกมาจากชื่อบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด ที่นายปฏิวัติ ศิริไทย ถือหุ้นใหญ่จำนวน 79,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนถือหุ้น 99.25% ทั้งยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามด้วย
“ประเด็นครับ คุณปฏิวัติ เขามีชื่อเล่นว่า คุณหมู ผมว่าคุณปฏิวัติ อย่าปล่อยให้คุณสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่ออกมาแจ้งความถูกปลอมลายเซ็น ว่าเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง หรือให้คุณพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอาวุโส อายุตั้ง 85 ปี เป็นปู่เป็นตาคุณได้ หรืออย่างน้อยก็เป็นพ่อคุณได้แล้ว ที่แอบอ้างชื่อว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร สตง. แห่งใหม่ แต่คุณพิมล ก็บอกว่าไม่ได้ทำงานออกแบบตึกมานานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีคนกระซิบบอกผมว่า คุณหมู ปฏิวัติ นั้นมีความกว้างขวาง รู้เรื่องการก่อสร้างตึก สตง. รวมไปถึงการออกแบบภายใน ตกแต่ง การเลือกเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงการใช้เครื่องเสียงในห้องประชุมต่างๆ ของตึก สตง. แห่งใหม่นี้เป็นอย่างดี เพราะคุณหมู มีความเชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบ Acoustic วางเครื่องเสียงต่างๆ โดยมีประสบการณ์โชกโชนจากการทำงานให้คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต มาแล้วหลายโครงการ
“คุณปฏิวัติครับ คุณอย่านั่งนิ่งเฉย เพราะผมได้ยินว่าคุณเป็นผู้กว้างขวาง รู้จักคุณประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าฯ สตง. รู้จักนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าฯ สตง. มือไม้ของคุณประจักษ์ รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างประธาน คตง. คือ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธาน คตง. หรือประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อยไปจนถึงคนใกล้ชิด ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ซึ่งเป็นเครือญาติและคนใกล้ชิด พล.อ.ชนะทัพ ด้วย
“คุณปฏิวัติครับ คุณช่วยออกมาสร้างความกระจ่างให้สังคมหน่อย ในฐานะเจ้าของบริษัทที่ควบคุมงานก่อสร้างตึก สตง.หลังใหม่นี้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุใด
“และอีกอย่างหนึ่ง คุณหมูครับ คุณปฏิวัติครับ ความเชี่ยวชาญ Acoustic ของคุณ ก็คือพูดง่ายๆ ว่าคุณเก่งในเรื่องเครื่องเสียง ผมทราบมาว่าในโครงการก่อสร้างนั้น มันมีตึกที่เป็นอาคารห้องประชุม ที่แม้กระทั่งผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เห็นแล้วยังบอกว่า โอ้โห มันใหญ่กว่าห้องจัดงานแต่งงานเสียอีก ข่าวว่ากันว่า จะมีการเตรียมเครื่องเสียงสำหรับตึก สตง. ทั้งหมด วงเงิน 400 ล้านบาท คุณหมู คุณรู้เรื่องด้วยหรือเปล่า ในฐานะที่คุณชำนาญเรื่องเครื่องเสียง อาจจะมีคนมาบอกผมว่า คุณหมูเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่จะขายเครื่องเสียงให้กับตึก สตง. ด้วย ใช่หรือเปล่า ผมไม่รู้ครับ” นายสนธิกล่าว