เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ส่งหนังสือไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ เผยศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง สั่งให้เนสท์เล่มีสิทธิเครื่องหมายการค้าแต่เพียงผู้เดียว พร้อมรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
วันนี้ (13 เม.ย.) จากกรณีที่ศาลแพ่งมีนบุรีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟแต่เพียงผู้เดียว ดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. หลังนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทรุ่นที่ 2 ของนายประยุทธ มหากิจศิริ ผู้ถือหุ้นบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด ซึ่งเนสท์เล่ถือหุ้นร่วมกับตระกูลมหากิจศิริ 50:50 ได้ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่ และกรรมการ จำนวน 2 คดี เนื่องจากเนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์สฯ ในการผลิตเนสกาแฟมาตั้งแต่ปี 2564 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคตได้
เนสท์เล่ เอส เอ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้มีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์สฯ ก่อนที่นายเฉลิมชัยจะฟ้องกลับ ทำให้เนสท์เล่ได้แจ้งไปยังลูกค้า ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าจะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าเหล่านี้ได้ ในช่วงเวลาระหว่างนี้ ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ ซึ่งจะส่งผลในการสูญเสียรายได้ของผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้งร้านกาแฟขนาดเล็ก รถเข็นขายกาแฟที่จะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่ายและการปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ ยังอาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ประจำวันของผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้ อีกทั้งยังส่งผลต่อการขาดรายได้ของพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัพพลายเออร์ รวมไปถึงเกษตรกรไทยผู้เพาะปลูกกาแฟและเกษตรกรโคนมไทย นอกจากนี้ ผู้บริโภคในประเทศไทยและในตลาดส่งออกของเนสกาแฟจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) น.ส.เครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ส่งหนังสือไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ เรื่อง ความคืบหน้าของสถานการณ์ธุรกิจเนสกาแฟ ระบุว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ทป 58/2568 ได้มีคำสั่งยืนยันว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า "Nescafe" และ "เนสกาแฟ" ในประเทศไทย และสามารถใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ซึ่งคำสั่งศาลนี้มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามผลของคำสั่งข้างต้น เนสท์เล่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทีมงานของเนสท์เล่พร้อมจะให้บริการและให้ความช่วยเหลือท่านในการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่การดำเนินงานตามปกติ