ผู้ว่าฯ สตง.ให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรก เผยยังไม่ออกมาพูดอะไร เพราะรอให้ผลสอบของคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นออกมาก่อน เดิมจะแถลงหลัง 10 เม.ย.แต่เมื่อนายกฯ เลื่อนเส้นตาย ก็ต้องรอไปก่อน ย้ำพร้อมให้บุคคลหรือกลไกภายนอกตรวจสอบเต็มที่ แจงรองผู้ว่าฯ บอกไม่รู้มี บ.จีนเป็ฯกิจการร่วมค้ากับอิตาเลี่ยนไทยฯ น่าจะหมายถึงช่วงก่อนที่จะมาเป็นคู่สัญญา ยันรู้จัก “อนุทิน” แค่ฐานะเพื่อนตอนยังไม่เข้าการเมือง เชื่ออาจารย์มหาลัยที่มาร่วมตรวจสอบสั่งไม่ได้แน่นอน
วันนี้(11 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างเป็นครั้งแรก ที่บริเวณศูนย์พักคอยผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ที่พังถล่มย่านจตุจักร ว่า ก่อนที่หน้านี้ที่ สตง.ยังไม่ออกมาชี้แจง เพราะต้องเคารพกระบวนการดำเนินการของรัฐบาล ที่ได้ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรม 22 คน ที่ถือเป็นสุดยอดของประเทศมาตรวจสอบ ซึ่งทาง สตง.ก็อยากรอผลการสอบของคณะนี้ ซึ่งจะสอบทั้งหมดในเชิงวิทยาศาสตร์ซึ่งใครก็เถียงไม่ได้ ผลออกมาอย่างไรทางเราน้อมรับหมด
นอกจากนี้ สตง.ยังถูกสอบสวนจากตำรวจนครบาล เรื่องการเสียชีวิต ดีเอสไอก็กําลังเข้ามาสอบ เรื่องนอมินี มาขอเอกสารเราทั้งหมด ซึ่งเราก็เตรียมให้ทั้งหมด รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งคือสภา ได้เชิญเราไปชี้แจงแล้ว 4 กรรมาธิการ เพราะฉะนั้น เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเต็มที่สําหรับบุคคลและกลไกที่เข้ามาตรวจสอบ เราก็ไม่อยากที่จะให้ข้อมูลที่เหมือนเป้นการชี้นําหรือแก้ตัว แต่เราอยากให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง
ส่วนมีความกังวลหรือไม่ ถ้าผลออกมามีคนของ สตง.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นายมณเฑียร กล่าวว่า ตอนนี้เราเพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ผลสอบจะเป็นยังไง เราก็ไม่คาดไม่ได้ เราก็ไม่อยากจะพูด เดี๋ยวจะเป็นกระแสกันไป เราพูดได้อย่างเดียวว่าเราให้ความร่วมมือกับทุกคณะที่มาสอบเราทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคนิค เรื่องข้อกฎหมายทั้งหมด เราให้ความร่วมมือทั้งหมด เรายืนยันได้อย่างงี้
นายมณเฑียร กล่าวอีกว่า จริงๆ เราคิดว่ารัฐบาลจะแถลงวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะตอนแรกนายกฯ แถลงว่าผลสอบจะเสร็จภายใน 7 วัน แล้ววันที่ 10 จะแถลง เราก็ตั้งเป้าว่าหลังจากวันนั้นเราจะแถลงของเรา ว่าทําอะไรไปบ้าง พอรัฐบาลเลื่อนเราก็เลยต้องรอ เพื่อฟังคนที่เก่งจริงๆ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาตรวจสอบ เราบอกเองไม่ได้หรอกอะไรถูกอะไรผิด คนของเราถูกหรือผิดเรายังไม่สามารถพูดได้
ส่วนเรื่องการใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน ก็ต้องรอผลตรอวจสอบเช่นกัน เพราะทั้งหมดทั้งมวลเถูกสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เป็นหน่วยงานภายนอกที่มาสอบ และเชื่อว่าเขาไม่สอบช่วย สตง.แน่นอน
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ นายสุทธิพงษ์ บุญนิธ รองผู้ว่าฯ สตง.ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระญ ว่าไม่ทราบว่ามีบริษัทจากจีนมาร่วมเป็นกิจการร่วมค้านั้น นายมณเฑียร กล่าวว่า บังเอิญตนไม่ได้ไปชี้แจงเพราะติดที่ทําบุญ จึงมอบรองผู้ว่าฯ แต่เท่าที่ฟังคร่าวๆ ลองไปเปิดฟังเทปที่อัดไว้ได้
“ขอตอบแบบเท่าที่ผมจําได้เนาะ อันนี้ไม่ยินยันนะ เหมือนกับพูดว่า การที่เค้าจะ joint venture กันก่อนหน้านี้ ทาง สตง.ไม่รู้หรอก คือก่อนหน้า คือพฤติการณ์ที่เค้าไป joint กันก่อนที่จะเป็นคู่สัญญากับเรา อันนั้นเราไม่รู้ใช่ไหม แต่เมื่อไหร่ที่เขา joint เสร็จแล้วเค้ามายื่นข้อเสนอ อันนี้เราเถียงไม่ได้แน่นอนใช่ไหม พอเขา joint เนี่ยเวลาเขายื่นตามระเบียบเขาก็ต้องยื่น joint กันใช่มั้ย ก็ต้องยื่นของไอ้อิตาเลี่ยนไทย ของไชน่าเรลเวย์ เป็นเอกสารมา แล้วมันก็ต้องพิสูจน์ได้ว่าเขา doint กันจริงหรือเปล่า อันนี้เป็นหน้าที่ของคนที่พิจารณา เพราะฉะนั้นเนี่ยในขั้นตอนเราต้องแยกจากกัน ว่าจะไปรู้ไหมก่อนที่เขาจะ joint กันเนี่ย เขาทําอะไร นี่ผมฟังเทปแบบเร็วๆ นะ” นายมณเฑียร กล่าว
ส่วนการเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทคู่สัญญาก่อสร้างนั้น นายมณเฑียร กล่าวว่า สตง.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ว่าเราขอสงวนสิทธิที่จะให้เขารับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ เงินชดเชยที่ได้จากบริษัทประกันภัยก็ให้จ่ายมาที่ สตง.ในฐานะผู้ว่าจ้าง เพราะเป็นเงินงบประมาณ และในกรณีที่บริษัทได้ทำประกันกับบุคคลที่สามไว้ ก็ได้มีการแจ้งไปยังบริษัทประกันในลักษณะเดียวกันว่า บริษัทต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ด้วย และเราไม่ได้แจ้งแค่บริษัทประกันอย่างเดียว ได้แจ้งเลขาธิการ คปภ.เป้นลายลักษณ์อักษรด้วย
ผู้ว่าฯ สตง.ย้ำว่า เรื่องตรวจสอบมีคนมาตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งเรื่องเทคนิค เรื่องดีเอสไอ ทั้งเรื่องพนักงานสอบสวน ทั้งเรื่องกรรมาธิการ แต่เราเต็มใจที่จะเปิดให้ตรวจสอบ เรายินดี เราพร้อม อยากได้เอกสารอะไรเราพร้อมเต็มที่เราทําให้อย่างดี เราไม่ได้หนี เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับการสอบสวนทั้งหมด
ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ ถ้าบอกว่าตึกก่อสร้างผิด เราก็รอ เราต้องรอผลสอบ เราพูดเองไม่ได้ เราต้องรอผลสอบจากคนที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน รอผลการสอบของพนักงานสอบสวน รอผลสอบของดีเอสไอ
ส่วนเรื่องความสนิทสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นั้น นายมณเฑียร กล่าวว่า “ผมกับท่านอนุทินเนี่ย รู้จักกันครั้งแรกปี 49 แล้วมาชิดใกล้กันจริงๆ คือปี 53 คําถามคือช่วงนั้นท่านรองอนุทินยังไม่เข้ามาอยู่การเมืองเลย รู้จักกันในฐานะเพื่อนเท่านั้นเอง ในฐานะคนร่วมหลักสูตร ท่านเป็นประธาน ผมเป็นเลขาฯ นะฮะ ก็เป็นความรู้จักที่เป็นความสัมพันธ์กันฐานะเพื่อน แต่ผมเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า ผลสอบที่ตั้งโดยมีผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย เขาจะเอาชื่อเสียงเขามาเสียหรือ
“ผมถามว่าอาจารย์เป็นหนึ่งเนี่ย แกจะยอมเสียชื่อเสียงเพื่อมามาบอกนู้นสั่งคนนี้ได้หรือ ถ้าน้องรู้จักอาจารย์เป็นหนึ่ง เนี่ยอันเนี้ยผมเชื่อว่าอาจารย์มหาลัยอีกประมาณทั้งหมดอะที่มีการเรียนการสอน ผมก็เชื่อมั่นว่าเค้าไม่ยอมเสียชื่อเค้าหรอก ผมเชื่อมั่นอย่างงั้นครับนะครับ เพราะฉะนั้นผมเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการสอบชุดเนี้ยไม่มีใครสั่งเค้าได้หรอก” นายมณเฑียร กล่าว
ส่วนการตรวจสอบกันเองภายใน สตง.นั้น นายมณเฑียร กล่าวว่า จริงๆ เราอยากสอบแต่เราคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือคนนอกซึ่งเป็นกลางไม่มีอะไรกับเราเลยมาสอบดีกว่า แล้วเราให้ความร่วมมือเต็มที่ นี่คือสิ่งที่เราพยายามบอก
“ผมก็ตั้งสอบได้แหละ แต่คําถามคือเฮ้ย มันควรมันมีความชอบธรรมไหมว่า ถ้าผมสอบ ผลออกมา แม้ผมจะลงโทษลูกน้องผม ไม่รู้คนจะเชื่อมั้ย หรือผมไม่ลงโทษ ก็เนี่ยอย่างเงี้ย ผมถึงบอกว่าเอางี้ละกันผมไม่อยากให้ไปพาดหัวเรื่องผลสอบครับว่าผมสอบหรือไม่สอบ แต่ผมบอกว่าช่วยไปบอกหน่อยว่าเรายินดีครับพร้อมรับการตรวจสอบ
ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาหลายรอบนั้น นายมณเฑียร กล่าวว่า จริงๆ มีการแถลงไป แต่ต้องพูดว่าเรื่องตึกนี้ตนเพิ่งเข้ามายังไม่ถึงปี การเปลี่ยนแปลงทําก่อนหน้าแต่ไม่ได้แก้ตัว ถ้าเรื่องรายละเอียดตนเพิ่งเข้ามาไม่ถึงปี แต่ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
“ผมก็พร้อมเต็มที่ แล้วก็ที่ท่านรองสิทธิพงษ์พูดน่ะ อันนั้นเป็นเป็นคนที่รู้เรื่อง ผมให้ข้อมูลไปเดี๋ยวมันจะขัดกัน พูดอย่างนั้นเนอะ” นายมณเฑียร กล่าว