ปลัดกระทรวงศึกษาธิการเจอทัวร์ลงปมเพจกรมประชาสัมพันธ์ระบุหนุนร่างกฎหมายกาสิโน ดึงเงินเข้าประเทศ แก้ข่าวบอกไม่ขัดข้องกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนอย่างเคร่งครัด
วันนี้ (9 เม.ย.) จากกรณีที่ชาวเน็ตแชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก NBT Connext ของศูนย์ปฏิบัติการสื่อใหม่ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า "กระทรวงศึกษาฯ เห็นด้วย กม.สถานบันเทิงครบวงจร ดึงเงินเข้าประเทศ" กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีสถานที่เล่นการพนันหรือกาสิโนรวมอยู่ด้วย ล่าสุด นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงว่า จริงๆ แล้ว เรื่องนี้เกิดจากเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ถึงประเด็นการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน
โดยได้ประชุมถึงปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมและแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเจตนารมณ์ของกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้อำนาจผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือครูฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานศึกษา ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าได้ตามข้อกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ย้ำว่า การให้อำนาจผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือครูฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานศึกษา ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะดำเนินการเฉพาะภายในขอบเขตของสถานศึกษาเพียงอย่างเดียว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีความเข้าใจและเห็นชอบในหลักการที่จะปรับแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพราะมีช่องทางที่สามารถแก้ไขระเบียบข้อบังคับตามประกาศ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผมก็ให้ความเห็นไปว่า "การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ แต่ทั้งนี้ จะต้องกำหนดเงื่อนไขป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ไปสุ่มเสี่ยงกับกับการพนันด้วย ซึ่งเป็นการให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ได้ขัดข้องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่ให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชน จึงต้องมีเงื่อนไขในการดำเนินการตามกฎหมายเดิม เพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชนอย่างเคร่งครัดด้วย" ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านักข่าวต้นฉบับนี้แปลความหมายการสัมภาษณ์ตนอย่างไร เพราะมีนักข่าวหลายสำนักมาสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่เห็นมีฉบับไหนลงเหมือนกับที่เป็นข่าว ซึ่งทำให้กระทรวงศึกษาธิการเสียหายเป็นอย่างมาก