อดีตคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง 4 รายทำจดหมายเปิดผนึกถึงประธานสภา-ส.ส.ระงับยับยั้งร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ชี้พยายามสื่อสารบิดเบือนว่ามีกาสิโนแค่ 10% ประเทศไทยมีปัญหาพนันอยู่แล้ว รัฐบาลคาดหวังเกินจริง และทำลายประโยชน์สาธารณะ
วันนี้ (7 เม.ย.) อดีตคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ช่วง พ.ศ. 2563 ถึง พ.ศ. 2565 ประกอบด้วย ศ.เกียรติคุณ ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ ศ.ดร.เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ และ รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ได้จัดทำหนังสือเปิดผนึกถึงประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา แสดงความกังวลใจต่อการที่รัฐบาลได้นำร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ....เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเริ่มมีการพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน 2568 นี้ ด้วยเหตุผลสำคัญดังต่อไปนี้
ประการแรก ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว มีองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด คือ การเปิดบ่อนการพนันกาสิโนให้ถูกกฎหมาย (Casino Legalization) เพราะหากไม่มีบ่อนการพนันกาสิโน ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะไม่มีความหมายเลย และหากรัฐบาลเห็นว่าสถานบันเทิงอื่นสำคัญกว่าบ่อนการพนันกาสิโน รัฐบาลย่อมตัดบ่อนการพนันกาสิโนออกไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ความจริง บ่อนการพนันกาสิโนเป็นแรงจูงใจสูงสุดของการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพราะเป็นแหล่งที่มาของรายได้มากที่สุดของการลงทุน และตามประวัติการลงทุนในสถานบันเทิงครบวงจรทั่วโลกนั้น ได้เริ่มต้นจากการก่อตั้งบ่อนการพนันกาสิโนก่อนเสมอ ส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สถานบันเทิง สวนน้ำ ฯลฯ ล้วนเป็นส่วนประกอบที่ขยายต่อออกมาจากบ่อนการพนันกาสิโนทั้งสิ้น
ดังนั้น การที่รัฐบาลพยายามสื่อความหมายให้สาธารณะได้รับทราบว่า “สถานบันเทิงครบวงจร” ไม่เท่ากับ “กาสิโน” และที่ตั้งกาสิโนคิดเป็นพื้นที่เพียงไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ของสถานบันเทิงครบวงจร นั้น จึงเป็นความพยายามบิดประเด็นสำคัญ (twists the key words) ของสถานบันเทิงครบวงจรและเป็นการสื่อสารที่บิดเบือน (distorted communication)
ประการที่สอง ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาการพนัน (Gambling Problems) ที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ (Online Gambling) คนไทยทุกคนเผชิญกับปัญหานี้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพนันฟุตบอล สลอตแมชชีน น้ำเต้าปูปลา หรือแม้แต่การแข่งขันสนุกเกอร์ที่มีการเดิมพันกันและเปิดให้แทงกันอย่างเปิดเผยในเฟซบุ๊ก เว็บไซต์การพนันโดยทั่วไป รวมทั้งผ่านทางช่องรายการของยูทูบ (YouTube) แต่รัฐไทยไม่สามารถป้องกันและปราบปรามได้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากฐานที่ตั้งของการพนันออนไลน์ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ และเป็นที่ทราบกันดีว่าตำรวจไซเบอร์ รวมทั้งกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์มีกำลัง เครื่องมือ อุปกรณ์และประสิทธิภาพในการจับกุม ตลอดจนการป้องกันระวังภัยไม่เพียงพอ อาชญากรรมการพนันออนไลน์จึงได้แพร่ระบาดเข้าไปในกลุ่มคนทั่วไปและเยาวชนไทยอย่างน่าสะพรึงกลัว นอกจากนั้นยังปรากฏว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่ต่างๆ จำนวนมากกลับถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับอาชญากรรมการพนันออนไลน์เสียเอง ดังนั้น แม้แต่การพนันที่ผิดกฎหมายในปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่สามารถจับกุม ปราบปรามและป้องกันการกระทำความผิดได้ การอ้างว่าการนำเอาบ่อนการพนันกาสิโนขึ้นมาบนดินจะทำให้อาชญากรรมการพนันออนไลน์หายไป จึงไม่เป็นความจริง ตรงกันข้าม การพนันกาสิโนถูกกฎหมายจะเพิ่มรูปแบบการพนันรูปแบบใหม่และขยายใหญ่ต่อไปให้อาชญากรรมการพนันในชาติใหญ่โตและฝังรากลึกจนยากต่อการจัดการ
ประการที่สาม รัฐบาลคาดหวังประโยชน์จากการเปิดการพนันกาสิโนเกินความเป็นจริง เนื่องจากยังไม่ได้กำหนดแหล่งที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร แผนงานและโครงการ รวมทั้งระยะเวลาในการดำเนินการ ข้อสำคัญยังไม่ปรากฏตัวผู้ลงทุน ตัวเลขที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะมีรายได้เข้าประเทศเป็นแสนๆ ล้านบาทจากการเปิดการพนันกาสิโนนั้นจึงเป็นตัวเลขที่มาจากการคาดการณ์ของการประกอบการของบ่อนการพนันกาสิโนของต่างประเทศ ซึ่งได้ทำการลงทุนและมีผลประกอบการอย่างมั่นคงแล้ว นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่ได้คาดการณ์ถึงผลเสียที่เกิดขึ้นจากผลกระทบทางลบต่อสังคม ซึ่งมีจำนวนมาก เช่น การฟอกเงิน การติดการพนันปัญหาอาชญากรรม การทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น หากแหล่งกาสิโนไปตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่มีธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตแล้ว เช่น ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรมด้านอาหารและอัธยาศัยไมตรีที่ดีของคนในท้องถิ่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเหล่านั้นจะถูกทำลาย ดังที่มีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่พบว่าเมื่อมีสถานบันเทิงครบวงจรเกิดขึ้นอุตสากรรมการท่องเที่ยวในชุมชนจะถูกทำลายไป เพราะสถานบันเทิงครบวงจรมีอำนาจทางเศรษฐกิจสูงกว่า แต่ต้องแลกกับการสร้างปัญหาทางศีลธรรมและต้นทุนทางสังคมที่จะต้องใช้เวลาในการเยียวยาอย่างยาวนาน ตัวเลขที่รัฐบาลอ้างอันเป็นตัวเลขที่เกินจริงดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนและมีความคลาดเคลื่อนอยู่มาก และเป็นการกล่าวอ้างโดยปราศจากความรับผิดชอบ เนื่องจากในขณะที่รัฐบาลเสนอร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจรต่อสภาผู้แทนราษฎรนั้น รัฐบาลไม่ได้สร้างระบบความพร้อมรับผิดเอาไว้ (Accountability Systems) โดยเฉพาะหากกรณีที่โครงการบ่อนการพนันกาสิโนเกิดความล้มเหลว ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ได้บัญญัติว่า “ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายเงินทดแทนความเสียหายที่เกิดแก่สังคมและประเทศชาติ”
ประการที่สี่ รัฐบาลเป็นผู้กระทำการในนาม “สาธารณะ” แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมาก แต่ประชาชนก็ไม่ได้มอบให้รัฐบาลสามารถกระทำการใดๆ อันส่อไปในทางที่ส่งผลเสียหายหรือทำลายผลประโยชน์สาธารณะได้ตลอดเวลา และสิทธิของประชาชนไม่ได้ขาดเสียไปจากตัวประชาชน ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเอาใจใส่ต่อคำเตือนของภาคส่วนต่างๆ ของประเทศ การที่ผู้คนจำนวนมากลุกขึ้นมาเรียกร้องและส่งเสียงดังให้รัฐบาลระวังปัญหาการพนันกาสิโนจึงเป็นการทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่มีสิทธิท้วงติง การที่มีคนออกมาด้อยค่าเสียงของประชาชนว่ามิใช่เสียงข้างมาก และต้องตัดสินด้วยเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องตามหลักตรรกะพื้นฐานและหลักปรัชญาทางการเมือง เนื่องจากสิทธิของประชาชนย่อมอยู่ติดตัวกับประชาชนไปตลอด หากเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนที่อาสาเข้ามากระทำในนามสาธารณะ ทำท่าจะบิดพลิ้ว มีเลศนัย ส่อว่าได้รับผลประโยชน์จากการผลักดันจากบริษัทการพนันข้ามชาติเพื่อสร้างนโยบายที่ก่อให้เกิดมหันภัยต่อประเทศ ประชาชนทุกกลุ่มทุกเหล่าย่อมมีสิทธิ์ที่จะลุกขึ้นมาโต้แย้งและเรียกร้องได้
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านโปรดหาทางระงับยับยั้งร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าวด้วย เพื่อประโยชน์ของประเทศและสังคมโดยรวมเป็นสำคัญ