ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จวกยับแนวคิดเปิดกาสิโนในไทย สะท้อนภาวะ "จนตรอก" ชี้ไร้คุณค่าทางเศรษฐกิจ ซ้ำเติมปัญหาสังคม ละเลยผลกระทบต่อครอบครัว ซัดนักการเมืองเห็นแก่เงิน
จากกรณีคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อผลักดันให้มีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ซึ่งรวมถึง “กาสิโน” อย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตมากขึ้น แต่ก็มีการคัดค้านจากหลายฝ่ายมองว่าอาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา
ล่าสุดวันนี้ (4 เม.ย.) รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตนเองวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อแนวคิดการเปิดกาสิโนในประเทศไทยภายใต้ชื่อ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" โดยระบุว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการนำแนวคิดเดิมในยุครัฐบาลทักษิณกลับมาอีกครั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการผลักดันเรื่องนี้มักเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายยึดกุมอำนาจรัฐตกอยู่ในภาวะ "จนตรอก" ทั้งทางการเงินและทางปัญญา
ดร.เจิมศักดิ์ชี้ว่า การอ้างว่าการเปิดกาสิโนจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะเงินหมุนเวียนในบ่อนเป็นเพียงการโอนเงินระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือ ไม่ได้ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าหรือบริการใดๆ เพิ่มขึ้น จึงไม่สร้างรายได้ที่แท้จริงแก่ระบบเศรษฐกิจส่วนรวม และยังส่งผลกระทบและความเสียหายต่อทรัพยากรมนุษย์และสังคมอย่างมหาศาล ทั้งปัญหาอาชญากรรม การฟอกเงิน การทุจริต และค่านิยมที่ผิดเพี้ยน
นอกจากนี้ การอ้างว่ามีบ่อนชายแดนทำให้เงินไหลออกนอกประเทศนั้น ดร.เจิมศักดิ์มองว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะเจ้าของบ่อนชายแดนส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทยอยู่แล้ว และรัฐบาลยังมีอีกหลายวิธีในการป้องกันและปราบปรามการพนันตามชายแดนอย่างได้ผล
ส่วนประเด็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว ดร.เจิมศักดิ์ตั้งคำถามว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงเลือกมาเที่ยวไทยในขณะที่ยังไม่มีบ่อน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านก็มีกาสิโนมากมาย การมีบ่อนในไทยจึงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ที่น่าดึงดูด และการอ้างว่าจะแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนได้นั้นก็เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอย เพราะในอดีตแม้มีหวยรัฐบาลก็ยังมีหวยเถื่อน ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังหรือไม่
ดร.เจิมศักดิ์ยังเตือนว่าบ่อนการพนันถูกกฎหมายยังเป็นแหล่งฟอกเงิน และเป็นรากฐานขององค์กรอาชญากรรมและการทุจริตทางการเมือง พร้อมยกตัวอย่างในอดีตที่นักการเมืองเคยอ้างว่าได้เงินจากการพนันเพื่อปกปิดการทุจริต และตั้งคำถามว่าหากเปิดบ่อนจริง นักการเมืองจะฮั้วกับผู้มีอำนาจรัฐเพื่อฟอกเงินได้ง่ายขึ้นหรือไม่
นักวิชาการรายนี้ยังได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์การพนันในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๒ ที่เคยมีบ่อนถูกกฎหมาย จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ ที่มีพระราชดำริให้เลิกบ่อนการพนันด้วยทรงเห็นถึงโทษของความมัวเมาในการพนันที่นำไปสู่ความวิบัติของชาติ
ท้ายที่สุด ดร.เจิมศักดิ์ตั้งคำถามถึงนักการเมืองที่สนับสนุนให้มีบ่อน ว่าคงมีครอบครัวและตระหนักถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงการพนัน แต่เพราะเงินและผลประโยชน์จึงทำให้เกิดการคิดสองมาตรฐาน โดยมองข้ามผลกระทบต่อผู้อื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวตนเอง