หลังแผ่นดินไหวเขย่าไทย แต่กลับไม่มีข้อความแจ้งเตือนถึงเหตุภัยพิบัติดังกล่าวออกมาจากหน่วยงานภาครัฐ เปรียบเทียบกับญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ
จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 13.20 น. ขนาด 7.4 ทำให้รู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทั้งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร และส่งผลทำให้ตึกและอาคารสูงในกรุงเทพมหานครได้รับความเสียหายหลายแห่งนั้น จนเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะไม่มีข้อความแจ้งเตือนให้ประชาชนได้ระมัดระวัง และเมื่อลองเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียด้วยกันเองอย่างในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นจะมีแนวทางที่หลากหลาย ออกแบบมาเพื่อแจ้งเตือนประชาชนอย่างรวดเร็วถึงภัยคุกคามต่างๆ ที่ใกล้จะมาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นดินไหวและสึนามิ และยังรวมถึงสภาพอากาศรุนแรงและเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ด้วย ระบบนี้อาศัยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูงและระเบียบปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับอย่างดี เพื่อเผยแพร่ข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า
1. เจ-อะเลิร์ต (ระบบเตือนภัยล่วงหน้าแห่งชาติ)
ซึ่งเปิดตัวในปี 2550 ระบบดาวเทียมนี้เป็นหัวใจสำคัญของขีดความสามารถในการเตือนภัยอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น ระบบนี้ช่วยให้หน่วยงานสามารถกระจายคำเตือนไปยังสื่อท้องถิ่นและประชาชนโดยตรงได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางต่างๆ เช่น
ลำโพงกระจายเสียงทั่วประเทศ: ไซเรนจะดังเพื่อเตือนประชาชน
โทรทัศน์และวิทยุ: คำเตือนจะขัดจังหวะรายการปกติ
อีเมลและการกระจายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ (SMS): ข้อความจะถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือโดยตรง
ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น อาจใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีในการแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และระหว่างสี่ถึงยี่สิบวินาทีในการส่งต่อข้อความไปยังประชาชน เครื่องรับสัญญาณรุ่นใหม่ที่ติดตั้งภายในปี 2562 สามารถประมวลผลข้อมูลได้ภายในสองวินาที
เจ-อะเลิร์ตออกอากาศผ่านทั้งระบบภาคพื้นดินและดาวเทียมสื่อสาร Superbird-B3
ระบบนี้ครอบคลุมภัยคุกคามที่หลากหลาย ได้แก่
แผ่นดินไหว: ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (EEW), ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับจุดศูนย์กลางและความรุนแรง, ข้อควรระวังเกี่ยวกับสึนามิ และข้อมูลการคาดการณ์แผ่นดินไหวสำหรับพื้นที่เฉพาะ
สึนามิ: คำเตือนสึนามิครั้งใหญ่, คำเตือนสึนามิ และคำแนะนำเกี่ยวกับสึนามิ
การปะทุของภูเขาไฟ: คำเตือนการปะทุและการคาดการณ์
สภาพอากาศรุนแรง: คำเตือนฉุกเฉินและคำแนะนำเกี่ยวกับฝนตกหนัก, หิมะตกหนัก, ลมแรง, คลื่นสูง, น้ำทะเลหนุน, ดินถล่ม, พายุทอร์นาโด และน้ำท่วม
ภัยคุกคามฉุกเฉินพิเศษ: ข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธ, การโจมตีทางอากาศ, การก่อการร้าย และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพลเรือน/ชาติ
2. ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (EEW):
ออกโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เป็นหลัก
ตรวจจับคลื่น P (คลื่นปฐมภูมิ ซึ่งเร็วกว่าแต่สร้างความเสียหายน้อยกว่า) จากแผ่นดินไหว โดยใช้เครือข่ายเครื่องวัดแผ่นดินไหวมากกว่า 4,200 สถานีทั่วประเทศญี่ปุ่น
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์จุดศูนย์กลางและความรุนแรงของแผ่นดินไหว
ออกคำเตือนไปยังจังหวัดที่ได้รับผลกระทบผ่านโทรทัศน์และวิทยุก่อนการมาถึงของคลื่น S ที่รุนแรง (คลื่นทุติยภูมิ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก)
ระบบ EEW สาธารณะจะถูกออกเมื่อคาดการณ์ว่าจะมีแผ่นดินไหวขนาด 5 หรือสูงกว่าตามมาตรวัดความรุนแรงแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น
คำเตือนนี้ให้เวลาไม่กี่วินาทีถึงหนึ่งนาทีหรือมากกว่านั้นในการดำเนินการป้องกัน ขึ้นอยู่กับระยะห่างของผู้รับสัญญาณจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว พื้นที่ที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางมากอาจประสบกับการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก่อนที่คำเตือนจะมาถึง
ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยังใช้ระบบ Cell Broadcast เพื่อส่งข้อความ SMS แจ้งเตือน EEW
แอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนฟรี เช่น Yurekuru Call ก็สามารถรับการแจ้งเตือน EEW ได้เช่นกัน
สถานีวิทยุ FM บางแห่งจะตรวจจับเสียงระฆังเฉพาะของ EEW โดยอัตโนมัติและออกอากาศคำเตือน
มีการนำการปรับปรุงทางเทคนิค เช่น Integrated Particle Filter (IPF) และ Propagation of Local Undamped Motion (PLUM) มาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความเร็วในการเตือนภัย วิธี PLUM คาดการณ์ความรุนแรงของแผ่นดินไหวโดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องประมาณการจุดศูนย์กลางและความรุนแรง ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่หรือไม่ทราบ
3. ระบบเตือนภัยสึนามิ
ดำเนินการโดย JMA
ออกคำเตือนภายในไม่กี่นาทีหลังจากระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า หากคาดการณ์ว่าจะเกิดสึนามิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในทะเลลึกที่มีกลไกการเกิดในแนวตั้ง
ในระหว่างแผ่นดินไหวและสึนามิโทโฮกุ พ.ศ. 2554 คำเตือน "สึนามิครั้งใหญ่" ที่รุนแรงที่สุดถูกออกภายใน 3 นาที
คำเตือนจะถูกออกสำหรับพื้นที่ชายฝั่งเฉพาะตามความสูงของสึนามิที่คาดการณ์ไว้
ระบบนี้ใช้ระบบแจ้งเตือนด้วยรหัสสี
คำเตือนสึนามิครั้งใหญ่ (สีม่วง): คาดการณ์ความสูงของสึนามิ > 3 เมตร อพยพไปยังที่สูงทันที
คำเตือนสึนามิ (สีแดง): คาดการณ์ความสูงของสึนามิสูงถึง 3 เมตร อพยพออกจากพื้นที่ชายฝั่งทันที
คำแนะนำเกี่ยวกับสึนามิ (สีเหลือง): คาดการณ์ความสูงของสึนามิสูงถึง 1 เมตร ออกจากน้ำและออกจากพื้นที่ชายฝั่ง
ระบบได้รับการปรับปรุงหลังภัยพิบัติปี 2554 เพื่อประเมินสึนามิที่กำลังจะมาถึงได้ดีขึ้น
ข้อมูลจากการสังเกตการณ์แผ่นดินไหว, เครื่องวัดระดับน้ำทะเล และทุ่น DART ถูกนำมาใช้เพื่อยืนยันการเกิดและขนาดของสึนามิ คำเตือนจะถูกออกอากาศผ่านโทรทัศน์, วิทยุ และช่องทางการสื่อสารอื่นๆ
ประสิทธิภาพและความท้าทาย:
ระบบเตือนภัยล่วงหน้าของญี่ปุ่นได้รับการยกย่องว่าเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับการยกย่องว่าช่วยชีวิตผู้คนและลดความเสียหายโดยอนุญาตให้ผู้คนและระบบต่างๆ (เช่น รถไฟ และโรงงาน) ดำเนินการป้องกัน
ประสิทธิภาพของ EEW ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว
อาจเกิดการเตือนภัยผิดพลาดได้ แม้ว่าจะมีการพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด
การสร้างความตระหนักของประชาชนและการตอบสนองต่อคำเตือนอย่างเหมาะสมยังคงเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่อง การฝึกซ้อมและการรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นักวิจัยกำลังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงความเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยเหล่านี้ โดยสรุป ระบบเตือนภัยที่ครอบคลุมของญี่ปุ่นใช้แนวทางแบบเป็นชั้น โดยมีเจ-อะเลิร์ตเป็นระบบกลาง สนับสนุนโดยระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าสำหรับการตรวจจับแผ่นดินไหวอย่างรวดเร็ว และระบบเตือนภัยสึนามิสำหรับภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่อาจเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหว ระบบเหล่านี้อาศัยเครือข่ายเซ็นเซอร์ที่กว้างขวาง การวิเคราะห์ที่ซับซ้อน และช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เพื่อให้การแจ้งเตือนที่ทันท่วงทีแก่ประชาชน
สำหรับประเทศเกาหลีใต้ เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อแจ้งเตือนประชาชนอย่างรวดเร็วถึงภัยคุกคามต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นดินไหวและสึนามิ รวมถึงสภาพอากาศรุนแรงอื่นๆ ระบบนี้อาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนในการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ
1. ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (Earthquake Early Warning System - EEW) ดำเนินการโดย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลี (Korea Meteorological Administration - KMA) เริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 มีเป้าหมายเพื่อลดความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิ ตรวจจับคลื่น P (คลื่นปฐมภูมิ) ที่เร็วกว่าและสร้างความเสียหายน้อยกว่า โดยใช้เครือข่ายเครื่องวัดแผ่นดินไหวประมาณ 150 สถานีทั่วประเทศ วิเคราะห์ข้อมูลโดยอัตโนมัติเพื่อคาดการณ์พื้นที่ศูนย์กลางและความรุนแรงของแผ่นดินไหว ส่งการแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉินระดับชาติ สื่อ และหน่วยงานท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว หากคาดการณ์ว่าแผ่นดินไหวจะมีความรุนแรงมากกว่า 5.0 แมกนิจูด จะมีการออกประกาศเตือนภัย EEW สู่สาธารณะผ่านโทรทัศน์และวิทยุ KMA มีแผนที่จะออกประกาศเตือนภัย EEW ได้ภายใน 5-10 วินาที ภายในปี 2564 ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือยังใช้ระบบ Cell Broadcast เพื่อส่งข้อความ SMS แจ้งเตือน EEW มีการพัฒนาเทคนิคต่างๆ เช่น ElarmS-2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำของระบบ
2. ระบบเตือนภัยสึนามิ (Tsunami Warning System)
ดำเนินการโดย KMA เช่นกัน จะออกคำเตือนภายในไม่กี่นาทีหลังจากตรวจพบแผ่นดินไหวที่มีโอกาสก่อให้เกิดสึนามิ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในทะเลที่มีกลไกการเกิดในแนวตั้ง ศูนย์แผ่นดินไหวและภูเขาไฟแห่งชาติ (National Earthquake and Volcano Center - NEVC) ของ KMA มีหน้าที่ออกคำแนะนำหรือคำเตือนสึนามิ โดยอิงจากข้อมูลเบื้องต้นของจุดศูนย์กลางและความรุนแรงของแผ่นดินไหว NEVC เผยแพร่ข้อมูลสึนามิ รวมถึงข้อมูลแผ่นดินไหว เวลาที่คาดว่าจะมาถึง และความสูงของสึนามิตามแนวชายฝั่ง ผ่าน SMS, MMS, แฟกซ์, อีเมล และข้อความคอมพิวเตอร์ ไปยังหน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉิน สื่อ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อยืนยันการเกิดสึนามิ NEVC วิเคราะห์ข้อมูลระดับน้ำทะเลจากสถานีตรวจวัด 46 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดย สำนักงานอุทกศาสตร์และสมุทรศาสตร์เกาหลี (Korea Hydrographic and Oceanographic Administration - KHOA) มีการใช้ฐานข้อมูลสถานการณ์สึนามิ (Tsunami Scenario DB) เพื่อช่วยในการออกคำเตือนที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล
3. ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติทางโทรศัพท์มือถือ (CBS Mobile-Phone Disaster Notification Message Broadcasting System)
เป็นระบบที่ใช้ในการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยพิบัติไปยังผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนมาก ครอบคลุมผู้ใช้งานหลายสิบล้านคน
สามารถส่งข้อความเกี่ยวกับการเกิดฝนตกหนัก ไต้ฝุ่น น้ำท่วม และภัยพิบัติอื่นๆ
4. ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียงและข้อความอัตโนมัติ (Automatic Verbal (Text) Notification System)
ใช้ในการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รัฐ หัวหน้าหน่วยงาน และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ประมาณ 550,000 คน ผ่านโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ
5. ระบบเตือนภัยฝนตกอัตโนมัติ (Automatic Rainfall Warning System)
ติดตั้งสถานีตรวจวัดน้ำฝนทั่วประเทศ เมื่อตรวจพบปริมาณน้ำฝนเกินเกณฑ์ที่กำหนด จะทำการแจ้งเตือนด้วยเสียงและข้อความในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น หุบเขา แม่น้ำ สถานที่ท่องเที่ยว