TCMA ร่วมจัดตั้งภาคีเครือข่ายพันธมิตรด้านการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอนแห่งประเทศไทย (Thailand CCUS Alliance: TCCA) นำโดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผสานความร่วมมือภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม สถาบันวิจัย และภาคการศึกษา เดินหน้าขับเคลื่อนเทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) นำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ปี พ.ศ. 2593
นายนภดล รมยะรูป อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (Thai Cement Manufacturers Association: TCMA) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ TCMA ประกาศโรดแมป Thailand 2050 Net Zero Cement and Concrete และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ตาม 7 แนวทางหลัก ที่กำหนดสอดคล้องกับแนวทางในระดับโลก มีความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ เช่น ศึกษาใช้ประโยชน์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Utilization) เพื่อพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์เมทานอล (CO2-to-Methanol) ร่วมกับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการหมุนเวียนคาร์บอนสำหรับเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ เป็นการสร้างความยั่งยืนในกระบวนการผลิต และสร้างมูลค่าให้กับคาร์บอน
ความร่วมมือของ TCMA ร่วมจัดตั้งภาคีเครือข่ายพันธมิตรด้านการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอนแห่งประเทศไทย (Thailand Carbon Capture, Utilization and Storage Alliance: TCCA) กับภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม สถาบันวิจัย และภาคการศึกษา นับเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดระบบนิเวศดำเนินงานที่เหมาะสมและขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมและสนับสนุนด้านนโยบายและสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยี การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการสนับสนุนระดับนานาชาติ และสร้างผลกระทบสูงจากการรวมกันดำเนินการ ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนา CCUS ในประเทศไทย สู่การนำไปใช้จริงในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เพียงเฉพาะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ แต่รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุนในเชิงเศรษฐศาสตร์
“เทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในประเทศไทย มีการลงทุนสูง และเป็น 1 ใน 7 แนวทางหลักของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ที่สามารถลดคาร์บอนได้ถึง 13.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น ความร่วมมือสนับสนุนดำเนินงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งด้านองค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างพุ่งเป้า การเข้าถึงแหล่งทุน รวมทั้งนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่ชัดเจน เพื่อก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastucture) ที่รองรับการขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพ เช่น การจัดตั้งกองทุนสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี CCUS การสร้างระบบขนส่งคาร์บอนที่ได้จากการดักจับ หรือการสร้างพื้นที่กักเก็บ เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้จริง" นายนภดล กล่าว