เหตุคานสะพานทางด่วนถล่มบนถนนพระราม 2 มีคนตาย 6 ราย บาดเจ็บ 21 ตอกย้ำความเป็นถนนมรณะ ย้อนไป 7 ปีเกิดอุบัติเหตุจากการก่อสร้างแล้ว 2 พันกว่าครั้ง คนตาย 132 ราย แต่ยังไม่เคยมีใครแสดงความรับผิดชอบ พอเกิดเรื่อง การทางพิเศษฯ แค่สั่งผู้รับเหมางดก่อสร้างชั่วคราว พอเรื่องเงียบกลับมาสร้างต่อ แถมผู้ว่าฯ กทพ.ก็ปากพล่อยอ้างถึงลาออกก็ไม่ทำให้คนตายฟื้น ขณะ “สุริยะ” พูดมานานจะใช้มาตรการสมุดพกตัดแต้มผู้รับเหมา แต่ก็ยังไม่เคยทำจริงจัง
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อกลางดึกวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 โครงสร้างนั่งร้านชั่วคราวสำหรับก่อสร้างคานขวาง หรือ Cross Beam ถล่มลงมาในระหว่างก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก สัญญาที่ 3 บริเวณใกล้กับด่านเก็บเงินดาวคะนอง แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิตทันที 5 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย รวมเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บรวม 21 คน
คานขวาง หรือ Cross Beam ตรงนี้ทำหน้าที่รองรับชิ้นส่วนสะพานคอนกรีตสำเร็จรูป ที่เรียกว่า Segment นำมาต่อกัน เพื่อทำเป็นทางด่วน 2 ชั้น หรือที่เรียกว่า Double Deck โดยมีทางด่วนเดิมที่สร้างมากว่า 40 ปี อยู่ชั้นหนึ่ง แล้วก็จะมีสะพานคอนกรีตที่สร้างขึ้นมาใหม่อีกชั้นหนึ่ง ตั้งแต่ปลายสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ที่ชื่อว่า สะพานทศมราชัน ไปเชื่อมต่อทางยกระดับที่ถนนพระราม 2 หน้าโรงพยาบาลบางปะกอก 9 ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
ผู้รับเหมาคือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-วีซีบี ประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด (VCB)
ช่วงที่เกิดเหตุทางด่วนดาวคะนองปิดการจราจรเป็นประจำทุกคืน ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 5 เพื่อก่อสร้างทางด่วนอีกชั้นหนึ่ง แต่ก็ยังมีถนนเส้นเล็กๆ ที่ชาวบ้านยังสัญจรไปมาตามปกติ คือ ถนนจอมทองบูรณะ บริเวณใต้ทางด่วนดาวคะนอง เชื่อมตั้งแต่ถนนสุขสวัสด์ถึงถนนพระราม 2 โชคดีที่ขณะเกิดเหตุรถของชาวบ้านขับไปยังไม่ถึง กล้องหน้ารถจะเห็นโครงสร้างถล่ม ไฟช็อต แล้วถนนมืด ก่อนถึงจุดเกิดเหตุพอดี ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสูญเสียไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด แม้จุดเกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวกับถนนพระราม 2 โดยตรง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากถนนพระราม 2 มากนัก ผลที่ตามมานอกจากความสูญเสียของคนงานแล้ว ทางด่วนเก่าขาออกขาดออกจากกัน 1 ช่วง รถจากสะพานพระราม 9 ไปถนนพระราม 2 มุ่งหน้าสู่ภาคใต้ไม่ได้ ต้องใช้ทางลงถนนสุขสวัสดิ์ ที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงแทน
ผลก็คือ จากที่รถติดอยู่แล้วก็ติดหนักไปอีก ต้องใช้เวลาสร้างสะพานคอนกรีตใหม่ คาดว่าประมาณ 1 เดือน ก่อนช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้
ตำนานถนนพระรามที่ 2 ที่มีฉายาว่า “ถนนเจ็ดชั่วโคตร” แต่ขอเพิ่มให้อีกหนึ่งชั่วโคตร เป็น “ถนนแปดชั่วโคตร” เพราะนานเกิน 7 ชั่วโคตรไปแล้ว ซึ่งเคยกล่าวใน รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” EP.149 ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2565 แต่เวลาผ่านไป 3 ปี โครงการบนถนนพระรามที่ 2 ผ่านมาแล้ว 3 รัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 3 คน คือ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ สมัย คสช. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จากพรรคภูมิใจไทย และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ รวมระยะเวลา 7 ปี สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีการวางแผนก่อสร้างอย่างชัดเจน
ตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตร ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน ปี 2561 เริ่มจากก่อสร้างขยายถนนพระราม 2 ทางราบ จาก 10 เลน เป็น 14 เลน ตั้งแต่บางขุนเทียนถึงเอกชัย
พอมาถึงปี 2562 ก็ทำทางด่วนมอเตอร์เวย์ M82 เป็นทางยกระดับบนเกาะกลางถนนพระราม 2 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ซ้ำซ้อนไปอีก ผลก็คือถนน 14 เลนที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จ ต้องเสียพื้นที่เกาะกลางไปฝั่งละ 1 เลน และสิ่งปลูกสร้าง เช่น รางระบายน้ำคอนกรีตอย่างดี ต้องทุบทิ้งเพื่อใช้เป็นจุดขึ้น-ลงทางด่วน
มาถึงปี 2565 ยุคนายศักดิ์สยามเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ก็มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างทางด่วนมอเตอร์เวย์ M82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว แม้ระยะทางเพียงแค่ 16.4 กิโลเมตร กลับแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 10 สัญญา ซอยออกไป เฉลี่ยบริษัทละ 1-2 กิโลเมตร โดยอ้างว่าเพื่อให้ก่อสร้างเสร็จเร็วขึ้น
ตามมาด้วยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก ตั้งแต่บางโคล่ถึงบางขุนเทียน ไปเชื่อมกับมอเตอร์เวย์ M82 ของกรมทางหลวงอีกที แบ่งเป็น 4 สัญญา เริ่มก่อสร้างช่วงหน้าห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ถึงโรงพยาบาลบางปะกอก 9 ตั้งแต่ปี 2563 ก่อนทยอยเซ็นสัญญาและก่อสร้างรวมเป็น 4 สัญญา รวมกันแล้วตั้งแต่สะพานพระราม 9 ถึงบ้านแพ้วมีสัญญาก่อสร้างรวม 18 สัญญา แบ่งเป็น กรมทางหลวง 13 สัญญา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 5 สัญญา
ปัจจุบันมีสัญญาที่แล้วเสร็จคือ สัญญาที่ 4 สะพานทศมราชัน ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อสร้างโดยบริษัท ช.การช่าง เปิดให้รถวิ่งจากบางโคล่ไปลงที่ด่านสุขสวัสดิ์แล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2568 ระหว่างรออีก 3 สัญญาที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ส่วนอีก 1 สัญญาเป็นงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ควบคุมจราจรและระบบสื่อสาร
ที่ผ่านมาระหว่างการก่อสร้างทางด่วนบนถนนพระราม 2 นอกจากปัญหาจัดการจราจรที่แย่ มีการปิดถนนช่องทางหลักเพื่อให้บีบไปใช้ช่องทางขนานแทน ซึ่งมีแค่ 2 เลน ไม่เกิน 3 เลน บางจุด เช่น ใต้สะพานต่างระดับเอกชัย ถนนเป็นคอขวดเหลือ 1 เลน แล้วพองานไม่เสร็จก็ขยายเวลา จากเดิมปิดถนนตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 5 ก็ขยับเร็วขึ้นเป็น 2 ทุ่ม และล่าสุด 1 ทุ่มตรง ผลก็คือรถติดทุกวันไม่เว้นกลางคืน เพราะมีรถบรรทุก รถคอนเทนเนอร์ขนสินค้าใช้เส้นทางจำนวนมาก คนที่เลิกงานกลับบ้านเดือดร้อนมาก บางคนหนีไปใช้เส้นทางอื่น เช่น ถนนเอกชัย ถนนเพชรเกษมแทน
ที่น่าสงสารก็คือ
- ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ไม่มีรถส่วนตัว นอกจากเกิดปัญหารถเมล์ขาดระยะช่วงเย็นและค่ำแล้ว เมื่อเจอรถติดตั้งแต่สามแยกบางปะแก้วถึงมหาชัย 28 กิโลเมตร คนที่กลับจากกรุงเทพฯ ตอนค่ำ กว่าจะถึงบ้านบางครั้งก็ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ที่เขาไม่สามารถซื้อรถยนต์มาขับได้ ลงรถเมล์แล้วต้องเสียค่ารถรับจ้างเพื่อกลับบ้าน แล้วตอนกลางคืนค่าโดยสารแพงกว่าช่วงกลางวัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็เพิ่มขึ้นไปอีก
- ไม่นับรวมผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่มหาชัย สมุทรสาคร ไปถึงอัมพวา สมุทรสงคราม ธุรกิจค้าขาย ร้านค้า ร้านอาหาร การท่องเที่ยวเสียหาย เพราะไม่มีใครกล้าขับรถผ่านมา
- ลามไปถึงชะอำ หัวหิน นักท่องเที่ยวน้อยลง เพราะไม่อยากเจอรถติด รวมทั้งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ฝุ่นจากการก่อสร้างกระทบต่อทางเดินหายใจ และจังหวัดสมุทรสาครเคยครองแชมป์ฝุ่น PM 2.5 สูงสุด มาแล้วหลายครั้ง
7 ปีอุบัติเหตุก่อสร้างพระราม 2 ทะลุ 2,200 ครั้ง คร่า 132 ชีวิต !
ที่สำคัญ มีอุบัติเหตุจากการก่อสร้างบ่อยครั้ง ข้อมูลล่าสุดจาก นายธวัชชัย ปิยนนทยา ประธานคณะทำงานปราบปรามการทุจริต พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยสถิติในรอบ 7 ปีที่มีการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ตั้งแต่ปี 2561-2567 พบว่ามีอุบัติเหตุจากการก่อสร้าง 2,242 ครั้ง เสียชีวิต 132 ราย บาดเจ็บ 1,305 คน มาจากปัญหาซ้ำซาก ทั้งแผ่นปูนถล่ม เครนพังทลาย รอยแตกร้าวบนสะพาน และพื้นถนนทรุดตัว
และหากย้อนเหตุการณ์สำคัญในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2564-2568 ถนนพระราม 2 มีอุบัติเหตุใหญ่มากกว่า 10 ครั้ง มีทั้งผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ รถยนต์และทรัพย์สินเสียหาย ขอยกเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่
31 กรกฎาคม 2565 แผ่นปูนสะพานกลับรถ ถนนพระราม 2 กิโลเมตรที่ 34 ร่วงลงมาทับรถยนต์ เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 คน กรมทางหลวงก่อสร้างเอง
7 พฤษภาคม 2566 คานปูนพื้นสะพาน หรือ Segment ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก สัญญา 2 ร่วงลงมา เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ผู้รับเหมาเป็นกิจการร่วมค้าทีซีบี คือ ไชน่าฮาร์เบอร์ ทิพากร และบุรีรัมย์ธงชัยก่อสร้าง
15 ธันวาคม 2566 แม่แบบเหล็กก่อสร้างตอม่อตกทับคนงาน ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก สัญญา 1 เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ผู้รับเหมา บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริงฯ
18 มกราคม 2567 รถเครนสลิงขาด โครงการมอเตอร์เวย์ M82 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย สัญญา 1 บริเวณต่างระดับบางขุนเทียน เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ผู้รับเหมาเป็นกิจการร่วมค้าเอ็นทีเอ คือ เนาวรัตน์พัฒนาการ เทิดไทแอนด์โค และ เอเอส แอสโซซิเอท เอ็นยิเนียริ่ง
มาถึงเหตุการณ์ใหญ่ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณตี 4 คานปูนและเครนถล่มลงมา โครงการมอเตอร์เวย์ M82 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว สัญญา 1 บริเวณต่างระดับเอกชัย จ.สมุทรสาคร เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 9 คน ผู้รับเหมา บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จุดนั้นฝั่งขาออกเป็นถนนคอขวด ตอนปิดช่องทางหลักเหลือ 1 เลน ต้องปิดถนนและทำทางเบี่ยงชั่วคราว กว่าจะเคลียร์พื้นที่เสร็จใช้เวลาถึง 16 วัน
ผ่านไปเกือบ 4 เดือน ผลสอบคานถล่มพระราม 2 ของกรมทางหลวงก็ยังไม่เสร็จ พอเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่ด่านดาวคะนอง แล้วสังคมถามหาผลสอบคานถล่มก่อนหน้านี้ นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เพิ่งจะบอกว่าเหตุเกิดมาจากคนทำงานผิดพลาด ขันตัวยึดระหว่างคานขวางคอนกรีตกับฐานรองโครงเหล็กไม่แน่น คณะกรรมการสอบฯ จะส่งให้กระทรวงคมนาคมสัปดาห์นี้ คือถ้าสังคมไม่ถามจะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปเลยหรือไม่ อีกทั้งพบว่าผู้รับเหมาก็กลับมาทำงานตามปกติแล้ว
ที่น่าสังเกตก็คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ยุคที่ นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข เป็นผู้ว่าการ 2 สมัย มาตรการที่ผ่านมามีแต่ให้หยุดก่อสร้างชั่วคราว แล้วผ่านไปไม่นานก็กลับมาก่อสร้างใหม่ เช่น ในปี 2566 กรณีคานปูนพื้นสะพาน หรือ Segment ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตกสัญญา 2 ร่วงลงมา การทางพิเศษฯ สั่งผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง 7 วัน เช่นเดียวกับกรณีแม่แบบเหล็กก่อสร้างตอม่อตกทับคนงาน ทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก สัญญา 1 การทางพิเศษฯ ก็สั่งผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง 7 วันเช่นกัน ภายหลังก็กลับมาก่อสร้างใหม่ ที่นายสุรเชษฐ์เคยบอกว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มโทษปรับผู้รับเหมา 1 ล้านบาทก็ไม่เห็นมี
กรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นบริเวณด่านดาวคะนอง มีนักข่าวถามหาความรับผิดชอบกับผู้ว่าการฯ ซึ่งความจริงถึงนักข่าวไม่ถาม สังคมก็ตั้งคำถามอยู่ดี ว่าโศกนาฏกรรมแบบนี้ใครจะรับผิดชอบ นายสุรเชษฐ์กลับกล่าวทำนองว่าถึงลาออกคนตายก็ไม่ฟื้น บอกว่า “ถ้าผมผูกเหล็กเอง ก่อสร้างเอง ก็จะรับผิดชอบ แล้วการที่ผมลาออกก็ไม่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ ผมคิดว่าต้องมาดูว่าผมละเว้นหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร ผมคิดว่าถ้าลาออกคงต้องลาออกกันทั้งประเทศ”
ทราบมาว่า นายสุรเชษฐ์คนนี้เป็นคนออกแนวมั่นใจในตัวเอง ถามอะไรไปก็ตอบแบบตรงๆ กล้าพูด กล้าตอบ เติบโตมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตำแหน่งสุดท้ายคือ รองผู้ว่าการด้านวิศวกรรมและก่อสร้าง ก่อนข้ามห้วยไปอยู่การทางพิเศษฯ ตั้งแต่ปี 2563 ผ่านมาแล้ว 4 ปี ครม.เพิ่งต่อวาระอีกสมัยเมื่อปีที่แล้ว ยาวไปถึงปี 2571 รับเงินเดือน 5 แสนบาท ไม่นับรวมค่าตอบแทนพิเศษประจำปี เช่น เงินโบนัส ปีละ 2.5 ล้านบาท สิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น เบี้ยประชุมรวมแล้วปีละ 8 แสนบาท แต่คุณภาพชีวิตผู้ใช้ทางก็ยังบัดซบเหมือนเดิม
มาถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม พอเข้ามาเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ยุคนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ถึงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร นอกจากจะพูดจาสวยหรู ประกาศว่าโครงการทางด่วนถนนพระราม 2 ต้องเสร็จภายในปี 2568 กดดันให้ผู้รับเหมาต้องเร่งก่อสร้างเพื่อให้ทันเวลา ละเลยเรื่องความปลอดภัยแล้ว ที่พูดอยู่บ่อยครั้งคือ “สมุดพกผู้รับเหมา”
พูดมาตั้งแต่อุบัติเหตุไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงเมื่อปี 2566 บอกว่าจะทำสมุดพก ถ้าผู้รับเหมาทำไม่ถูกต้องจะหักคะแนนทุกครั้ง ซึ่งจะมีผลกระทบถึงขั้นไม่ให้เข้าประมูลงานโครงการใหม่ของกระทรวงคมนาคม
ถึงบัดนี้ “สมุดพกผู้รับเหมา” ของนายสุริยะยังไม่ได้นำมาใช้ มีแต่ข้ออ้างที่ว่าจะไปประสานกับกรมบัญชีกลาง กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุด นายสุริยะบอกว่า หารือกับกรมบัญชีกลางแล้ว ไม่เกินสิ้นเดือนเมษายนนี้ก็จะออกมาใช้ ?
กรณีเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิต บริษัทผู้รับเหมาจะต้องให้หยุดรับงาน ประมูลงานไม่ได้ นายสุริยะยังวาดฝันไว้สวยหรู เชื่อว่ามาตรการสมุดพกจะได้ผล บริษัทผู้รับเหมาถ้าเกิดอุบัติเหตุก็จะหมดอนาคต เพราะเครื่องมือที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ได้และไม่มีรายได้
ข้อสังเกต : มาตรการสมุดพกที่อ้างว่าจะได้ผล ความจริงไม่มีประโยชน์ เพราะถึงแม้ว่าลงโทษสูงสุดคือไม่ให้เข้าประมูลงาน แต่ก็ตั้งบริษัทนิติบุคคลขึ้นมาใหม่เพื่อรับงานได้อีก
ขนาดกรมบัญชีกลางทำบัญชีดำผู้ทิ้งงาน ทุกวันนี้ผู้ทิ้งงานก็ยังไม่หมดไป ตั้งบริษัทใหม่ ตั้งนอมินีเพื่อรับงานแทนกันได้ นับประสาอะไรกับสมุดพกผู้รับเหมา แทนที่จะออกมาตรการด้านความปลอดภัยทั้งคนงานและผู้สัญจรไปมาให้เข้มข้นขึ้น
พอนักข่าวถามถึงเรื่องที่สังคมอยากให้กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบ อาจให้รัฐมนตรีพิจารณาลาออก นายสุริยะกลับตอบแบบเลี่ยงๆ ขอไปทีว่า “กระทรวงคมนาคมดำเนินการมาตลอด มีมาตรการออกมาชัดเจน มีเรื่องขึ้นบัญชีดำผู้รับเหมา ทำให้เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นแน่นอน และงานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 จะต้องเสร็จในสิ้นปีนี้แน่นอน”
แต่งานนี้นายสุริยะถือว่า ยังโชคดีเพราะก่อนหน้าที่จะออกมา นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการทางพิเศษฯ ดันปากพล่อย เจอทัวร์ลงจากสังคมไปก่อนหน้านั้นแล้ว จึงทำให้งานนี้นายสุริยะรอดตัวไป
ประเด็น :ปัญหาถนนพระรามที่ 2 ตลอด 7 ปี ย่างเข้าปีที่ 8 ตั้งแต่ก่อสร้างไม่เสร็จ เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต ไปถึงอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ห่วยแตกของกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ยุคนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นี้ 4-5 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2566 จนมาถึงยุคของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน
นักการเมืองทั้งสองคนล้วนแล้วแต่ไม่มีความรับผิดชอบ และขาดความเชื่อมั่นต่อประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องเจอปัญหาเดิมซ้ำซาก เป็นผลมาจากการทำงานที่ขาดการวางแผนตั้งแต่ต้น แต่ละโครงการก่อสร้างแบบต่างคนต่างทำ หากยังจบลงแบบเดิม คือชดเชยเยียวยา ผู้รับเหมากลับมาทำงาน แล้วอุบัติเหตุซ้ำซาก ก็ไม่น่าจะเสร็จปี 2568 ตามที่นายสุริยะคาดการณ์ไว้ หรือถ้าเสร็จก็จะเสร็จบางช่วงแบบฟันหลอ