xs
xsm
sm
md
lg

นัยความ ‘เปลือย : NUDE’ ผลงานโดย รศ.เทพศักดิ์ ทองนพคุณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รศ.เทพศักดิ์ ทองนพคุณ



“คำว่า ‘นู้ด’ ของผม จะแปลกกว่านู้ดที่เป็นสากลที่เขาใช้แสดงออกทางเนื้อหนังมังสาที่มันเป็นความจริง Realistic แต่ของผมเป็นอุดมคติ เป็นแบบไทย จะสังเกตจากรูปทรงของเทวดา นางฟ้าของไทยอะไรก็แล้วแต่ ยังยึดโครงสร้าง สัดส่วนตามความเป็นจริง แต่เราจะไม่ใส่รายละเอียดที่เป็นกล้ามเนื้อหรือแสงเงาที่เหมือนจริง”

“…เพราะฉะนั้น งานของผมจะแฝงไปด้วยเชิงสัญลักษณ์ แล้วก็เป็นลักษณะชีวิตปรกติ ผู้หญิงนอนพักผ่อน นอนหลับ ฝัน อิริยาบถต่างๆ เช่น ผู้หญิงนั่ง เป็นเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไปใส่ให้มันวุ่นวาย ถ้ามันเกิดความพอดีของมัน มันก็จะเกิดความน่าพอใจ ซึ่งบางทีคนเขาก็จะเรียกความน่าพอใจว่าเพลิดเพลินในการดูงาน”

“ผมคิดว่า ปลายปีน่าจะจัดแสดงอีกครั้งนึง จะทำในเรื่องของ ‘ไทยนู้ด’ นี่แหละครับ จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม ผมก็ทำในแบบนามธรรมอยู่บ้าง ศึกษา ค้นคว้า เราจะปรับเปลี่ยนยังไง ให้เป็นรูปธรรมไปสู่นามธรรม แต่ยังรู้สึกว่านี่คือความงามของผู้หญิง ซึ่งมันก็เป็นโจทย์ที่น่าสนใจครับ”

เป็นความ เปลือย NUDE ที่ปราศจากความ Erotic ก้าวข้ามสภาวะอันสามัญไปสู่สภาวะที่สูงกว่า ชมเพื่อพิศความงามหรือเพื่อถอดรหัสนัย อ่านสัญญะที่แฝงไว้ในแต่ละภาพก็ได้เช่นกัน

รศ.เทพศักดิ์ ทองนพคุณ
ผู้จัดการออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ รศ.เทพศักดิ์ ทองนพคุณ ศิลปินเจ้าของผลงาน เปลือย NUDE ในครั้งนี้ ทั้งเป็นศิลปินดีเด่น จ.ชลบุรี ทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) บอกเล่าถึงเส้นทางการทำงานศิลปะที่ผ่านมา รวมทั้งผลงานในครั้งนี้ได้อย่างน่าสนใจ 
ไม่เพียงความนัย, ความหมายที่แฝงไว้ในความเปลือยอันงามแบบกลิ่นอายไทยประเพณี 
หาก ทว่า ศิลปิน ยังพร้อมนำพา ‘ไทยนู้ด’ ก้าวสู่การสร้างสรรค์งานที่เปี่ยมนัยทางนามธรรมต่อไปอีกด้วย

รศ.เทพศักดิ์ ทองนพคุณ
ทำงานศิลปะ ตลอดชีวิต

ถามว่าในส่วนของงานประจำ ด้านหนึ่งของชีวิตคุณทำงานวิชาการมาโดยตลอด แล้วในส่วนของงานศิลปะ แบ่ง Part ชีวิตทำงานศิลปะกี่มากน้อย

อาจารย์เทพศักดิ์ตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า “โอ้ มี หลาย Exhibition เลยครับ (หัวเราะ) คือในระหว่างที่ผมทำงานสอนหนังสือและบริหาร ผมก็ทำงานศิลปะไปด้วย ทั้งในช่วงที่มีเวลาว่าง ช่วงพัก ช่วงเย็น ก็ทำไปตลอด เพราะว่าผมถือว่า การสอนเรื่องศิลปะ เราต้องทำงานไปด้วยเราจึงจะมีความรู้ใหม่ๆ มาสอนให้กับนักศึกษา เพราะฉะนั้น ก็เลยทำมาจนเป็นนิสัยครับ ทำควบคู่กันมาตลอด ก็ยังบอกกับเพื่อนร่วมงานเสมอว่า เราสอนศิลปะ ต้องทำงานศิลปะ ได้ประโยชน์คือ 1. ได้ความรู้ใหม่ๆ มาสอน 2. ได้ผลงานเอาไปขอตำแหน่งวิชาการ 3. ผลพลอยได้อีกอย่าง ก็อาจมีคนที่สนใจ เอางานเราไปเก็บสะสมเป็นเจ้าของ ได้ประโยชน์ 3 อย่าง ก็ควรจะต้องทำ”

อาจารย์เทพศักดิ์ตอบว่า เริ่มทำงาน Exhibition ตั้งแต่เมื่อครั้งสอนอยู่ที่ จ.นครราชสีมา โดยก่อตั้งกลุ่ม 35 ดีกรีขึ้น แล้วก็แสดง Exhibition มาอีกมาก กับหลากหลายกลุ่ม

“กระทั่งช่วงมาทำงานอยู่ ม.บูรพา ทำหน้าที่บริหารแล้วก็จัดกิจกรรม ศิลปกรรมนานาชาติ ก็มีผลงานร่วมแสดงทุกครั้ง แล้วก็นำผลงานไปเผยแพร่ โดยเฉพาะที่ประเทศจีนนะครับ ที่มหาวิทยาลัยต้าลี่ ผมนำผลงานไปแสดงสิบกว่าครั้งแล้ว แสดงงานร่วมกันมาตลอด มีการประกวดด้วย ก็ทำมาตลอดครับ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังทำ”

ปัจจุบัน ตำแหน่งงานของอาจารย์เทพศักดิ์ที่ ม.บูรพาคือ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์


พลังของงานจิตรกรรม

ถามว่า คนมักคุ้นชินกับงานของคุณในแนวจิตรกรรม , สีอะคริลิค , ภาพพิมพ์แกะไม้ เป็นต้น แล้วสไตล์ในเนื้องานที่โดดเด่นของคุณคืออะไร

อาจารย์เทพศักดิ์ตอบว่า “ครับ ผมทำงานก็ใช้เนื้อหาหลากหลายแล้วก็ส่วนใหญ่ใช้รูปทรงของคน โดยเฉพาะผู้หญิง แล้วก็มีรูปทรงของสัตว์ต่างๆ นี่คือ ตัวรูปทรงที่เรานำมาใช้สื่อในการแสดงออกทางศิลปะ แต่ในด้านวิธีการและเทคนิค ผมทำทั้งงานภาพพิมพ์ เพราะผมจบสาขาภาพพิมพ์ ทำทั้งงานภาพพิมพ์ Etching, Woodcut, Silk Screen ทำทั้งหมด สมัยเรียนต้องทำ เมื่อมาสอนก็ต้องทำทั้งหมด”

“งานประติมากรรมก็ทำ เคยจัดแสดงงานประติมากรรมที่ทำด้วยโลหะ แต่ปัจจุบันนี้จะหนักในเรื่องของจิตรกรรม เพราะมันสะดวกในการทำ แล้วสื่อสารตรงไปตรงมา สามารถถ่ายทอดความรู้สึกลงไปโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเหมือนภาพพิมพ์ หรือประติมากรรม เพราะฉะนั้น งานปัจจุบัน จะหนักไปในเรื่องของจิตรกรรม มีทั้งจิตรกรรมที่ไปทำที่โบสถ์ด้วยนะครับ ผมเขียนภาพไทยด้วย เพราะฉะนั้น ตรงนี้จึงติดมาในงาน เป็นลักษณะพิเศษของผมอย่างนึง คือเป็นลักษณะที่ใช้รูปทรงที่มีเส้นสายที่มันนุ่มนวล ก็คือใช้รูปทรงของผู้หญิงเอามาเป็นลักษณะพิเศษที่เราชอบในการแสดงออก”

ถามว่า งานของคุณมีกลิ่นอายของงานไทยประเพณีอยู่ด้วย
ศิลปินผู้นี้ตอบว่า “ครับ คือจริงๆ งานแสดงครั้งนี้ ผมอยากใช้คำว่า ‘ไทยนู้ด’ ด้วยซ้ำไป
แต่เป็นครั้งแรก เราเอาเรื่องของนู้ดก่อนดีกว่า”



นัยความ NUDE

“คำว่า ‘นู้ด’ ของผม จะแปลกกว่านู้ดที่เป็นสากลที่เขาใช้แสดงออกทางเนื้อหนังมังสาที่มันเป็นความจริง Realistic แต่ของผมเป็นอุดมคติ เป็นแบบไทย จะสังเกตจากรูปทรงของเทวดา นางฟ้าของไทยอะไรก็แล้วแต่ ยังยึดโครงสร้าง สัดส่วนตามความเป็นจริง แต่เราจะไม่ใส่รายละเอียดที่เป็นกล้ามเนื้อหรือแสงเงาที่เหมือนจริง เราจะใส่เฉพาะสีที่จำเป็นเพื่อเพิ่มน้ำหนักนิดหน่อย เพื่อเพิ่มความรู้สึกที่มันกลมเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“แล้วก็ตัดทอนรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติออกไป ให้มันเหลือเท่าที่เราต้องการ มันก็จะเป็นลักษณะพิเศษ เพราะฉะนั้น ความพิเศษในงานของผม เท่าที่ผมมองงานตัวเอง ก็คือ ความเป็นไทยที่อยู่ในตัวงานนั้นเอง”

“แต่ที่จริงแล้ว ความเป็นไทย เราทำงานจากความรู้สึก จากความจริงใจของเราสื่อออกมาจากความประทับใจมันก็จะออกมาในงานนั้นเอง โดยที่เราไม่ต้องไปพยายามอะไรมันมาก เพียงแต่เราต้องจริงใจในการแสดงออกของเรา”


ถามว่า งาน ‘นู้ด’ ครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากอะไรอีกบ้าง มีงานกี่ชิ้น

อาจารย์เทพศักดิ์ตอบว่า “คือชุดนี้ มีงานใหม่ 6 ชิ้น แล้วงานเดิมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ผมทำแล้วนำไปแสดงที่โปแลนด์ ก็จะทำสืบเนื่องกันมา เพราะฉะนั้น งานของผมจะแฝงไปด้วยเชิงสัญลักษณ์ แล้วก็เป็นลักษณะชีวิตปรกติ ผู้หญิงนอนพักผ่อน นอนหลับ ฝัน อิริยาบถต่างๆ เช่น ผู้หญิงนั่ง เป็นเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไปใส่ให้มันวุ่นวาย ถ้ามันเกิดความพอดีของมัน มันก็จะเกิดความน่าพอใจ ซึ่งบางทีคนเขาก็จะเรียกความน่าพอใจว่าเพลิดเพลินในการดูงาน หรือเห็นสิ่งนี้แล้ว เขาบอกว่าเป็นความงามนะครับ”


สื่อในเชิงสัญญะ

อาจารย์เทพศักดิ์ตอบว่า “บางชิ้นบางภาพ ก็มีลักษณะเป็นเชิงสัญลักษณ์ เช่น ล่องลอย ก็เหมือนกับชีวิตที่ล่องลอย บางครั้งก็ตกต่ำเหมือนจะจมลงไป แล้วยังมีส่วนที่เป็นลายไทย ก็สื่อถึงศิลปวัฒนธรรมของไทย ศิลปะของไทย ส่วนตัวผ้า ผมจะสื่อถึงวัฒนธรรมที่มันคอยห่อหุ้ม เป็นสิ่งที่คอยบังคับเราอยู่ ส่วนแถบสีรุ้ง เหมือนกับสมัยนี้ที่เพศต่างๆ ถูกกำหนดว่าเป็นสีรุ้ง มันมีอิทธิพลกับชีวิตของคน จนผู้หญิงธรรมดาก็อาจจะลำบากหน่อย ส่วนดวงอาทิตย์ ก็คือพลังที่ให้กับสรรพชีวิตต่างๆ"

“บางทีมันก็แฝงอยู่นะครับ แต่ไม่อยากให้คนดูไปสนใจกับอะไรที่แฝงอยู่มากมายเพียงแต่มองการประสานกันของ สี จังหวะ มันให้ความรู้สึกพึงพอใจแล้ว คนดูก็น่าจะมีความสุข ส่วนเขาจะคิดลึกคิดเลย ก็อาจจะเป็นเรื่องของแต่ละคน”

ถามว่า การลดทอนกล้ามเนื้อออกไปนั้น กล่าวได้ไหมว่า ได้ก้าวข้ามความ Erotic ออกไปสู่อีกขั้นของความงาม
อาจารย์เทพศักดิ์ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ผมว่าผมเคยคิดว่างานเรามันแบบไหน อีโรติกก็ไม่นะครับ มันเป็นศิลปะประโลมโลกมั้ง ทำให้โลกมันน่าอยู่ (หัวเราะ) มันผ่อนคลายอะไรแบบนั้นมากกว่า ผมว่ามันไม่ถึงความเป็นอีโรติก แล้วก็ไม่ใช่ความตั้งใจด้วยครับ”


ถามว่าดูเหมือนงานของคุณเคารพและให้เกียรติผู้หญิง เช่น ภาพพระแม่โพสพในคอลเลคชั่นที่ผ่านๆ มา แล้วในงานเปลือยหรือนู้ดครั้งนี้ ยังมีกลิ่นอายนั้นอยู่ไหม

อาจารย์เทพศักดิ์ตอบว่า “ครับ คือผู้หญิงเป็นเพศที่ไม่กระด้าง ไม่เป็นศัตรูอะไรกับใคร เป็นเพศที่น่าดูหลายอย่าง แล้วผมก็ไม่ค่อยจะเขียนรูปผู้ชาย นอกจากภาพที่จำเป็น อย่างเช่น จิตรกรรมฝาผนัง หรือบางรูปที่จะมีผู้ชายที่แสดงออกถึงความรักระหว่างมนุษย์ด้วยกัน แต่ไม่เคยนำมาทำให้เสื่อมเสีย เพราะกรอบทางจริยธรรมทางสังคมเรามันมีมาก มันไม่อิสระเหมือนอย่างทางตะวันตก ทางตะวันตก บางทีเขาแสดงให้เห็นถึงสัจจะของเนื้อหนัง จริงๆ แล้ว มันคือความจริง แต่เรานำจริยธรรม ศีลธรรมไปจับงานศิลปะ จนละเลยจนไม่ได้นึกถึงคุณค่าจริงๆ ของมันคือความงาม”


‘ไทยนู้ด’ จากรูปธรรมสู่นามธรรม

ถามว่า งานนู้ดครั้งนี้ จะมีคอลเลคชั่นอื่นๆ ตามมาไหม
อาจารย์เทพศักดิ์ตอบว่า “ผมคิดว่า ปลายปี น่าจะจัดแสดงอีกครั้งนึง จะทำในเรื่องของ ‘ไทยนู้ด’ นี่แหละครับ จากรูปธรรมไปสู่นามธรรม ผมก็ทำในแบบนามธรรมอยู่บ้าง ศึกษา ค้นคว้า เราจะปรับเปลี่ยนยังไง ให้เป็นรูปธรรมไปสู่นามธรรม แต่ยังรู้สึกว่านี่คือความงามของผู้หญิง ซึ่งมันก็เป็นโจทย์ที่น่าสนใจครับ (หัวเราะ ) "


ถามว่า จะนำเสนอออกมาเป็นแนวไหน

ศิลปินผู้นี้ตอบว่า “รูปทรง เค้าเรียกรูปทรงธรรมชาติ เป็น Organic form อย่างเช่น วงกลมแทนได้หลายอย่างใช่ไหมครับ แทนถึงหน้าอกผู้หญิงก็ได้ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ก็ได้ มันหลายอย่าง เราสามารถที่จะสื่อได้ อาจต้องแยกเป็นส่วนๆ มานำเสนอ แล้วลดการจำได้หมายรู้ลงไป ให้เหลือแต่เส้น เหลือแต่สี จังหวะต่างๆ แต่ยังสืบเนื่องมาจากรูปทรงของผู้หญิงที่เราใช้อยู่
จะจัดแสดงช่วงปลายปีนี้ครับ หลังจากนี้ก็จะลงมือทำต่อ”

สำหรับ ‘ไทยนู้ด’ แห่งนามธรรมของศิลปินผู้นี้ เชื่อว่ามีผู้สนใจเฝ้ารอชมอีกมาก
………….
เรื่องและภาพ โดย : รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล
ภาพประกอบโดย : Matdot Art Center
*หมายเหตุ : นิทรรศการ เปลือย NUDE โดย เทพศักดิ์ ทองนพคุณ จัดแสดงที่ Matdot Art Center ถึง 13 เมษายน 2568