xs
xsm
sm
md
lg

DSI ลุยขยายผลจากโรงงานทุนจีน ปราจีนฯ ล่า ขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายงานพิเศษ

โรงงานรีไซเคิล 3 แห่ง กับอีก 1 บ่อฝังกลบขยะอุตสาหกรรม ในพื้นที่หมู่ 10 ต.หนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ถูกร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2567 หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในโรงงานจนมีกลุ่มควันสีส้มลอยออกมาอย่างน่าหวาดกลัว และต่อมาก็ถูกตรวจพบรูปแบบการประกอบกิจการที่ไม่ตรงกับใบอนุญาต และยังไม่สามารถชี้แจงที่มาของขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากภสายในโรงงานได้

จนวันที่ 25 กันยายน 2567 กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต โรงงานรีไซเคิล บริษัท ที แอนด์ ที เวสท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และสั่งปิดอีก 2 โรงงานติดกันที่ประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถูกเรียกว่า โรงงาน ที แอนด์ ที 2 และโรงงานหัวไท่เซิงเหอ โดยในพื้นที่บริเวณนี้มีผู้ดูแลชื่อว่า นายพิสิษฐ์ พูนเจริญชัย หรือ “อาเหว่ย” เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่สามารถพูดภาษาจีนได้ เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แม้ปัจจุบันไม่มีหุ้นแล้ว แต่ยังคงมีบทบาทอยู่ในโรงงานร่วมกับชาวจีนที่เรียกว่า “นายจาง” แต่หลังจากนั้นมา โรงงานกลุ่มนี้ก็ยังถูกร้องเรียนมาตลอดว่ายังแอบลักลอบประกอบกิจการภายในโรงงาน ยังมีคนงานจำนวนมากอยู่ในโรงงาน มีพฤติการณ์คุกคามประชาชนในพื้นที่ จนกระทั่งเริ่มเบาลง แต่มีข้อสังเกตจากคนในพื้นที่ว่า กำลังมีความพยายามเคลื่อนย้าย “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ไปที่อื่น




“DSI ได้ร่วมเข้าไปตรวจสอบที่ 3 โรงงานนี้มาแล้ว และพบว่ามีบ่อฝังกลบขยะอันตรายที่ไม่อยู่ในใบอนุญาตอยู่ติดกันด้วย ... โดยเบื้องต้นพบว่า จากปริมาตรของขยะอิเล็กทอนิกส์ที่ตรวจพบ มีมากกว่า 20 ลูกบาศก์เมตร ทำให้สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ แต่เราไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเท่านั้นครับ”

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ที่ปรึกษาโครงการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญนี้ หลังนำทีมเจ้าหน้ากองอำนวยความยุติธรรม ของ DSI ลงพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิมาระยะหนึ่งแล้ว และมั่นใจว่า เมื่อปริมาตรของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่พบในโรงงานทั้ง 3 แห่ง รวมกับในบ่อฝังกลบ เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ก็จะสามารถเริ่มแจ้งข้อหา “ครอบครองวัตถุอันตราย” ในฐานความผิดของคดีพิเศษได้ แต่ยังมีข้อมูลที่สำคัญมาก คือ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ อ.ศรีมหาโพธิ ไปกับการจับกุมการลักลอบนำเข้าขยะอิเลกทรอนิกส์ จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ปริมาณ 256 ตัน ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

“ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่เรากลับยังพบขยะอิล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่มีลักษณะวัตถุหรือลักษณะหีบห่อที่บ่งบอกได้ว่าไม่น่าจะเป็นของที่เกิดจากการใช้ภายในประเทศ โดยเฉพาะการพบในโรงงานที่มีความเกี่ยวพันกับกลุ่มทุนจีน ดังนั้น DSI จึงจะใช้วิธีการสืบสวนเขาไปค้นหาเบื้องหลังของการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ เพราะเชื่อว่า มีขบวนการที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบอย่างแน่นอน”

ภาพ :  กรมศุลกากร

ภาพ :  กรมศุลกากร

ภาพ :  กรมศุลกากร

ภาพ :  กรมศุลกากร

ภาพ :  กรมศุลกากร

ภาพ :  กรมศุลกากร

ภาพ :  กรมศุลกากร
จากการลงพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ และทำงานประสานร่วมกับทีมสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ เปิดเผยต่อว่า เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นและแจ้งข้อหา ก็ยังทำได้เพียงการแจ้งข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายจากโรงงานกลุ่มนี้เท่านั้น ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะคนดูแลโรงงานจะยืนยันทุกครั้งว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีที่มาอยู่ภายในประเทศไทย ดังนั้น DSI จะรับหน้าที่ในการค้นหาหลักฐานว่ามีการลักลอบนำเข้าหรือไม่ เป็นการเชื่อมต่องานกับกระทรวงอุตสาหกรรม

“พอไปจับ ทุกครั้งเขาก็จะอ้างว่า เป็นของที่รับมาจากภายในประเทศครับ แต่สิ่งที่เขาอ้างมันก็ไม่มีที่มาที่ไป บอกที่มาที่ชัดเจนของขยะอิเล็กทรอนิกส์พวกนี้ไม่ได้ เช่น อ้างว่าซื้อมาจากนายเจริญ ไม่มีนามสกุล ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นโคร ใบสั่งซื้อเป็นของจริงหรือไม่ ดังนั้นมันจึงมีข้อสงสัยที่ตั้งสมมติฐานได้ว่า ของเหล่านี้อาจจะมีต้นทางจากการลักลอบนำเข้า โดยเฉพาะเมื่อนำไปเชื่อมโยงกับการจับกุมที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีหลักฐานเบื้องต้นแล้วว่า มาจากการสำแดงเท็จ จึงถือเป็นเป็นสารตั้งต้นที่เป็นภาระของ DSI จะต้องไปสืบค้นหาหลักฐานที่หนักแน่นมาให้ได้ครับ ... เราจะต้องเปิดโปงขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มาในบ้านเรา” พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าว

สำหรับการตรวจพบโรงงานที่ลักลอบรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เริ่มตรวจพบครั้งใหญ่ตั้งแต่ประมาณปี 2561 เป็นต้นมา โดยมีแหล่งใหญ่ที่เป็นโรงงานทุนจีนอยู่ในแถบจังหวัดฉะเชิงเทราและปราจีนบุรี แต่ละแห่งมีใบอนุญาตลำดับที่ 105 (คัดแยกขยะ) และรีไซเคิล (106) หลายใบ มีชาวไทยเป็นนอมินีในการขออนุญาตก่อนจะส่งต่อให้เจ้าของเชื้อสายจีน และยังพบอีกหลายแห่งถูกตั้งเป็นรัฐอิสระโรงงานรีไซเคิลทุนจีน เช่นที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่ง DSI กำลังร่วมสืบสวนอยู่นี้ หรือที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งตั้งเป็นอาณาจักรรีไซเคิลบนพื้นที่ถึง 88 ไร่ โดยขยายขึ้นเรื่อยๆมาตั้งแต่ปี 2562 ทั้งทีผิดกฎหมายทุกตารางเมตร เป็นจุดที่กลายเป็นจุดพักกากแคดเมียมจาก จ.ตาก และล่าสุดยังพบว่า เป็นที่มาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกตรวจพบใน จ.สมุทรสาคร ด้วย ...

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายหลังจากมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2559 (ปี 2559) ให้ยกเว้นการบังคับใช้ผังเมืองในการห้ามตั้งโรงงานบางประเภท คือ โรงงานรักำจัดของเสียอันตราย (101) โรงงานคัดแยกขยะ - หลุมฝังกลบของเสียไม่อันตราย (105) โรงงานรีไซเคิล (106) และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งมีสถิติที่ชัดเจนว่า ทำให้โรงงานกลุ่มนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีน

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ

ภาพ :  มูลนิธิบูรณะนิเวศ
กำลังโหลดความคิดเห็น