หลักฐานจะจะ คำพูดของ “พ.อ.ลอว์เรนซ์ วิลเกอร์สัน” อดีตหัวหน้าเสนาธิการทหารของ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ยุค ปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อ 7 ปีก่อน บอกให้ CIA เข้าไปปลุกปั่นชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงที่ไม่พอใจชาวฮั่น เพื่อสั่นคลอนความมั่นคงของจีน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวเรื่องชาวอุยกูร์ จากมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ที่กลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อหาที่ว่า
- ชาวมุสลิม อุยกูร์ ถูกรัฐบาลจีนปักกิ่งกดขี่ ถึงขั้นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
- การอ้างว่ามีการบีบบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ 500,000 คนในไร่ฝ้าย ซึ่งนำมาสู่กระแสให้มีการกดดัน เพื่อให้แบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ บอยคอต “ฝ้ายจากมณฑลซินเจียง” ซึ่งเป็นแหล่งผลิตฝ้ายใหญ่ของโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของฝ้ายทั่วโลก
- ข้อหาว่ามีจีนมีการสร้างกักกัน และทรมานชาวซินเจียงนับเป็นล้านๆ คน
- รวมไปถึงการออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในซินเจียง ให้มีการแบ่งแยกดินแดนบางส่วนของมณฑลซินเจียงออกจากการปกครองของจีน เพื่อก่อตั้งเป็นรัฐเตอร์กีสถานตะวันออก ผ่านขบวนการเอกราชเตอร์กิสถานตะวันออก (East Turkistan Independence Movement)
เป็นต้น
ที่เป็นเรื่องตลกร้ายก็คือธงของขบวนการเอกราชเตอร์กิสถานตะวันออก (ธงสีฟ้าขวาสุด) ดันเคยมาปรากฏร่วมกับธงเอกราชทิเบต, ธงเรียกร้องเอกราชไต้หวันในการชุมนุมของ “กลุ่มม็อบสามนิ้ว” ที่การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมถึงแยกราชประสงค์ในช่วงปี 2563 ด้วย!
แผนการของสหรัฐฯ ในการใช้ชาวอุยกูร์ และมณฑลซินเจียง ในการบ่อนทำลายความมั่นคงของจีนนั้นถูกเปิดเผยออกมาล่อนจ้อนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในเดือนสิงหาคม ปี 2561 ในงานสัมมนาหัวข้อสื่อ และสงครามของสถาบันรอน พอล (ชื่อเต็มคือ สถาบันรอน พอลเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดย ส.ส.คนหนึ่งของสหรัฐฯ จากรัฐเทกซัสที่ชื่อ รอน พอล) มีนายพันเอกคนหนึ่งที่ชื่อ พ.อ.ลอว์เรนซ์ วิลเกอร์สัน (Colonel Lawrence Wilkerson) ไปพูดในงานนี้เปิดเผยหมดเลยว่าแผนการดังกล่าวเป็นอย่างไร
พ.อ.วิลเกอร์สันไม่ใช่นายทหารบกเกษียณอายุธรรมดาๆ แต่มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าเสนาธิการทหารของ พล.อ.โคลิน พาวเวลล์ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ในช่วงปี 2545-2548 ในสมัยของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช
ในการกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาของสถาบันรอน พอลเมื่อ 7 ปีที่แล้ว พ.อ.ลอว์เรนซ์ วิลเกอร์สัน ใช้หัวข้อหลักของสุนทรพจน์ว่า “What is the Empire’s Strategy?” หรือ “อะไรคือกลยุทธ์ของจักรวรรดิ?” โดยในที่นี้ความหมายของคำว่าจักรวรรดิ หรือ Empire ก็หมายถึง “จักรวรรดิอเมริกา” นั่นเอง
เวลานั้น พ.อ.ลอว์เรนซ์พยายามอธิบายถึงสาเหตุที่สหรัฐฯ และ CIA ต้องเข้าไปแทรกแซงในเอเชียกลาง และคงกำลังอยู่ในอัฟกานิสถานให้นานที่สุด (ในสุนทรพจน์บอกว่าต้องคงกำลังอยู่หลายสิบปี หรือครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว) โดยวิลเกอร์สันบอกว่าเป้าหมายสำคัญมีอยู่ 2-3 ประการ ก็คือ
หนึ่ง การมีสถานะอยู่ในอัฟกานิสถานเพื่อขัดขวางโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน
สอง ก้าวเข้ามาและรักษาเสถียรภาพคลังอาวุธนิวเคลียร์ของปากีสถานหากจำเป็น
และ สาม ก็เพื่อปิดล้อมจีน และสร้างความปั่นป่วนให้รัฐบาลปักกิ่งจากภายใน เขาพูดว่า “อีกเหตุผลที่เรา (สหรัฐฯ) อยู่ที่นั่นก็เพราะว่ามีชาวอุยกูร์อยู่ 20 ล้านคน และพวกเขาไม่ชอบชาวจีนฮั่น โดยในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกของจีน ถ้าซีไอเอต้องดำเนินการโดยใช้ชาวอุยกูร์เหล่านั้น เช่นเดียวกับที่ เออร์โดกัน (ผู้นำตุรกี) ทำในตุรกีกับอัสซาด (ผู้นำซีเรีย) ก็มีชาวอุยกูร์ 20,000 คนอาศัยอยู่ในซีเรียในตอนนี้ นั่นเป็นตัวอย่าง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจีนอาจส่งกองกำลังทหารไปยังซีเรียในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อดูแลชาวอุยกูร์ที่เออร์โดกันเอาเข้าไป
“ซีไอเอต้องการสั่นคลอนจีน และนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการก่อความไม่สงบ โดยร่วมมือกับชาวอุยกูร์ในการกดดันชาวฮั่นในปักกิ่งจากปัจจัยภายในแทนการกดดันจากภายนอก ผมไม่ได้หมายความว่ามันกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ คุณไม่ได้ยินเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ ...”
ถ้า พ.อ.ลอว์เรนซ์ เป็นนายทหารเกษียณแก่ๆ คนหนึ่ง พูดอย่างนี้คนก็คงไม่ว่าอะไร แต่ในเมื่อเป็นถึงหัวหน้าเสนาธิการทหารของอดีต รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แล้วบอกว่า ซีไอเอจะใช้ชาวอุยกูร์ในซินเจียง “เพื่อสั่นคลอนประเทศจีน” คำพูดนี้ก็เลยกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชั้นดี ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าสหรัฐฯ และ CIA หน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงการเมืองภายในของจีนอย่างชัดเจนที่สุด
วันนี้ พ.อ.วิลเกอร์สัน อายุ 79 ปีแล้ว ในอดีตมีประสบการณ์ทางการทหาร และการเมืองในวอชิงตันมาอย่างโชกโชน เคยประจำการอยู่ในกองบัญชาการแปซิฟิกของสหรัฐฯ, ประจำการในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮาวาย
หลังจากเกษียณจากการรับราชการทหารสหรัฐฯ ในปี 2540 พ.อ.วิลเกอร์สันก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเสนาธิการทหารของโคลิน พาวเวลล์ ผลักดันให้เกิดสงครามบุกอิรัก ล่าสังหารประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ในปี 2545 นอกจากนี้ เขายังมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้กองทัพสหรัฐฯ เข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานอีกด้วย !
เรื่องทั้งหมดนี้ ทางจีนเองก็รู้ดี และรู้มาหลายปีแล้ว โดยรัฐบาลปักกิ่งบอกว่าความพยายามของชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ และ CIA ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การคว่ำบาตรสินค้าของซินเจียง ก็เพื่อก่อปัญหาทางเศรษฐกิจ อันจะนำไปสู่การก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานในภูมิภาคซินเกียง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่จะยุยงให้เกิดการปฏิวัติสี หรือ Color Revolution ผ่านแผนการ ที่เริ่มต้นจากการหลอกลวงโดยอ้างเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” นั่นเอง !