MGR Online: รัสเซียถูกคว่ำบาตรเต็มพิกัดนานกว่า 3 ปี แต่เศรษฐกิจยังเติบโต ส่วนยุโรปกลับอ่วมหนัก ฟังจากปากทูตรัสเซียเผยเงื่อนไขยุติสงคราม
สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อนานกว่า 3 ปี รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ทั้งห้ามการติดต่อค้าขาย ถูกตัดออกจากระบบชำระเงินระหว่างประเทศ หรือ SWIFT และชาติตะวันตกก็ยังอายัดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ที่อยู่ในสถาบันการเงินของสหรัฐฯ และยุโรป มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์
แต่ดูเหมือนว่า มาตรการคว่ำบาตรของบรรดาชาติตะวันตกจะไม่ได้ส่งผลต่อรัสเซียมากมายนัก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซียเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 4.1% สูงกว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั่วทั้งโลกที่อยู่ที่ 3.2% ยิ่งไม่ต้องพูดถึงประเทศยุโรป ที่เศรษฐกิจเติบโตเพียงแค่ 0.7% เท่านั้น
ช่วงที่เกิดสงครามใหม่ ๆ บรรดาชาติตะวันตกคิดว่า มาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย ทำให้รัสเซียเดือดร้อนหนัก ถึงขนาดที่เศรษฐกิจล่มสลาย ประชาชนไม่พอใจรัฐบาล แต่ทำไปทำมากลับกลายเป็นว่า กลุ่มประเทศยุโรปเองเป็นฝ่ายที่เดือดร้อนมากกว่า
ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ พลังงาน ซึ่งแต่ก่อนชาติยุโรปใช้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากรัสเซีย แต่พอเกิดสงครามก็เลยเลิกซื้อจากรัสเซีย โดยหันไปซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ ตะวันออกลาง หรือ ซื้ออ้อม ๆ จากประเทศที่ 3 เช่น อินเดีย ทำให้ทุกวันนี้ ต้นทุนด้านพลังงานของยุโรปแพงขึ้นถึงราว 2.5 เท่าตัว โดยประมาณการณ์ว่า การคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้ชาติยุโรปจ่ายค่าพลังงานแพงขึ้นถึงเกือบ 200,000 ล้านยูโร หรือกว่า 7 ล้านล้านบาท
นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย บอกว่า ตั้งแต่สมัยโซเวียตมีเครือข่ายส่งไฟฟ้าจากรัสเซียไปยุโรป ซึ่งราคาถูกและสะดวกด้วย แต่พอยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย ก็เลยต้องผลิตไฟฟ้าเอง ค่าไฟฟ้าในยุโรปแพงขึ้น 3 เท่าตัว ส่งผลให้สินค้าต่าง ๆ แพงขึ้นด้วย และก็ทำให้อุตสาหกรรมของยุโรปได้รับผลกระทบอย่างมาก
รัสเซียเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก กว่า 17 ล้านตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 35 เท่า รัสเซียจึงมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก ส่งออกน้ำมันอันดับ 3 ของโลก และยังมีแร่ธาตุต่างๆ มากมาย มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเพื่อทำการเกษตร บรรดาชาติยุโรปจึงนำเข้าทั้งพลังงาน วัตถุดิบ และอาหารจากรัสเซีย ทำให้รัสเซียได้ดุลการค้ายุโรปมาตลอด ดังนั้น การที่คิดว่าจะคว่ำประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย ที่มีทรัพยากรมาก และยังเป็นมหาอำนาจทางการทหาร ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
สินค้าในรัสเซียไม่ได้ขาดแคลน ราคาสินค้าก็ไม่ได้แพงขึ้น หลายอย่างราคาถูกกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่า สินค้าของตะวันตก แบรนด์ของตะวันตก ได้พากันถอนตัวออกจากรัสเซียไป แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว กิจการร้านรวงต่าง ๆ ของชาติตะวันตกที่เราคุ้นเคยกันดีนั้น ก็ยังทำธุรกิจในรัสเซียอยู่ แต่เพียงแค่ “แปลงโฉม” ไปเท่านั้นเอง
ในสมัยก่อน แมคโดนัลด์ สตาร์บักส์ เคเอฟซี ต่างเปิดร้านในรัสเซีย แต่หลังจากถูกคว่ำบาตร ปูตินก็เลยพยายามจะให้ร้านพวกนี้ออกไป ธุรกิจของชาติตะวันตกเหล่านี้ก็เลยใช้วิธี ซื้อกิจการของรัสเซียมาแล้วก็เปลี่ยนชื่อ แทนที่ต้นสังกัดจะเป็นของตะวันตกก็กลายมาเป็นของคนรัสเซีย แต่ว่าสูตรอาหารก็ยังเหมือนเดิม เก้าอี้ที่นั่งยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ว่าจะเปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็นภาษารัสเซีย
รัสเซียเผยเงื่อนไขยุติสงคราม
ขณะนี้สหรัฐฯเปลี่ยนแปลงนโยบายแบบกลับหลังหัน ทำให้ยุโรปตั้งตัวไม่ติด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ชาติยุโรปไม่พร้อมรบกับรัสเซียอย่างแน่นอน ดังนั้น ยุโรปจึงต้องหาทางที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามให้ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าสหรัฐฯ ก็ยอมไหม โดยฝ่ายรัสเซียก็รู้ดีว่า ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการยุติสงคราม ก็เพราะไม่อยากจะเสียเงินไปมากกว่านี้ เป็นวิธีการคิดคำนวนแบบนักธุรกิจครับ
ทูตรัสเซียกล่าวถึงเงื่อนไขที่จะยุติสงครามว่า “ยูเครนจะต้องไม่เป็นภัยคุกคามกับรัสเซียอีก” คือ จะต้องไม่เข้าร่วมกับนาโต้, จะต้องปลดอาวุธ หรือ demilitarized แต่ว่าจะให้ยูเครนเป็นเหมือนญี่ปุ่น คือ ไม่มีกองทัพ มีเพียงกองกำลังป้องกันตนเองอย่างนั้นหรือ ? และใครจะรับผิดชอบด้านมั่นคงของยูเครน จะเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันบนโต๊ะเจรจา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า จะยุติสงครามยูเครนให้ได้ใน 24 ชั่วโมง แต่ถึงวันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ก็คงตระหนักแล้วว่า ไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คุยโม้ไว้ เพราะว่าถ้าหากบีบบังคับให้ยูเครนยอมรับข้อเสนอที่สหรัฐฯต้องการ โดยที่ฝ่ายยูเครนไม่เต็มใจนั้น สันติภาพก็คงจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้.