ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทยถามตำรวจไซเบอร์ โดยเฉพาะ "ไตรรงค์ ผิวพรรณ" รับใช้ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือไม่? หลังเอาตำรวจนับสิบนายบุกบ้านผู้ประกาศข่าวผู้หญิง ชี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ความผิดส่วนบุคคล แต่กลับเอามาเล่นงาน ขนาดคดี 112 ยังแค่ออกหมายเรียก ลั่นเจอกันที่ศาล
วันนี้ (23 ก.พ.) จากกรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังตำรวจนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะคริติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวิดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย กล่าวว่า ตนถูกเล่นงานอยู่ข้างหลังจากฝ่ายนายทักษิณ และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ทั้งการตามไปกดดันผู้สนับสนุนและสปอนเซอร์โฆษณา ยืนยันว่าตนไม่กลัว ทำอะไรก็ทำ ยอมกลืนเลือดและต่อสู้กันไป ยืนยันว่าเส้นทางการเงินของสถาบันทิศทางไทยโปร่งใส ตนไม่ได้เกลียดชังรัฐบาลชุดนี้ และนายทักษิณเป็นการส่วนตัว การที่ตนไม่ยอมก้มหัวให้กับระบอบทักษิณจะทำให้ใครข้องใจก็ว่ากันไป แต่การเอา น.ส.ไญยิกาเป็นเป้า ไม่ใช่วิธีการแบบลูกผู้ชาย คนแจ้งความแจ้งในประเด็นเนื้อหา แต่ตำรวจไซเบอร์รับใช้นายทักษิณหรือไม่ ถึงจะอ้างว่าทำงานตามหน้าที่ แต่อย่าลืมว่าเป็นตำรวจต้องชัดเจนว่าต้องออกหมายเรียก แต่กลับเอาหมายเรียกพร้อมหมายค้น
"ตำรวจไปอธิบายอะไรศาลผมก็ไม่รู้ แต่ผู้หญิงคนหนึ่งมีหน้าที่แค่อ่านข่าว คุณก็รู้ เพราะคดีนี้แจ้งความวันที่ 16 ม.ค. ทำงานจนวันที่ 16 ก.พ. นายวิญญัติไปทวงเรื่อง คุณมีข้อมูลหมดเลย เพราะผมมีรายงานของทีมทำงานชุดนี้ที่รายงานไปยัง ผบ.ตร. ไปหลอกล่อ น.ส.ไญยิกา เพราะหมายเรียกเขาส่งทางไปรษณีย์ ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง เรียกไม่มาถึงออกหมายจับ แต่นี่ไปนับสิบ เจ็ดโมงเช้า ไปถึงบ้านถ่ายวิดีโอ น.ส.ไญยิกาโทร.หาผม ผมโทร.หานายธนุ สุขบำเพิง ทนายความของสถาบันทิศทางไทย เชื่อมสายแล้วคุยกับ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.2 เป็นหัวหน้าชุด คุยกันด้วยดี ทนายบอกว่าขอเวลา 2 วัน เพราะตอนนี้ติดคดีอยู่ และหมายเรียกเป็นกรอบอำนาจที่จะขอผัดไปขอพบ แต่ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์บอกว่าได้ แต่ขอยึดโทรศัพท์ แต่สิ่งที่คุณทำคือไปหลอกล่อ นี่คือสิ่งที่ตำรวจไซเบอร์กระทำ เราได้เจอกันแน่" นายสนธิญาณกล่าว
นายสนธิญาณกล่าวว่า คำถามก็คือ ทำไมตำรวจไซเบอร์ถึงนำตัว น.ส.ไญยิกา ไปสอบปากคำให้ได้ และกีดกันไม่ให้ทนายความเข้ามาฟัง ตนจึงโทร.ไปหา น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ผู้อำนวยการข่าวแนวหน้าออนไลน์ไปช่วย น.ส.อัญชะลีก็ไป สอท.แจ้งวัฒนะ ไปนั่งฟังและนั่งเป็นเพื่อน สิ่งที่ทำตนมีคำถามตั้งแต่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ถึงผู้รับผิดชอบคดี คือ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. ทำไมไม่ขอหมายค้นมาที่สถาบันทิศทางไทย ซึ่งเป็นที่ทำงาน ตนไม่ได้ท้าทายเพราะวันหนึ่งก็ต้องมา แต่เลือกไปบ้านผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่กับสามี ลูก และพ่อที่ชราและป่วย แต่พ่ออยู่โรงพยาบาล มีเจตนาอะไร ทำงานตรงไปตรงมาหรือไม่ หลังจากนั้น น.ส.อัญชะลีก็โทร.ไปหานายสมชาย แสวงการ อดีต ส.ว. และนายสมชายถามว่าคุกคามสื่อหรือไม่
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ากรณีนี้คือการคุกคามทุกคนที่ทำงานให้สถาบันทิศทางไทย เพราะมีเจตนาแจ้งความสถาบันฯ เพียงองค์กรเดียว ถึงการรายงานข่าวเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2568 กรณีนายทักษิณติดผู้นำเลว ซึ่งมีเว็บไซต์ต่างประเทศจัดอันดับ สถาบันทิศทางไทยและเดอะคริติกก็นำมารายงาน แต่ไม่ได้รายงานเพียงเจ้าเดียว เพราะมีสำนักข่าวอื่นๆ รายงานด้วย ทำไมถึงมาแจ้งความสถาบันทิศทางไทยเพียงเจ้าเดียว เจตนาข่มขู่คุกคามหรือไม่ แต่เขามีสิทธิจะฟ้อง ตนไม่ได้ท้าทาย นายทักษิณก็เคยฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แต่นายสุเทพไม่ผิด นายทักษิณเป็นผู้นำเลวอันดับหนึ่งของโลกหรือไม่ ตนไม่รู้ ตนรายงานไปตามข่าวสารเหมือนสำนักข่าวอื่น แต่เมื่อต่อสู้กันตนต้องไปหาข้อมูล ซึ่งมีคำสารภาพของนายทักษิณเองเมื่อครั้งพระราชทานอภัยโทษ
ส่วนที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์กล่าวว่ากรณีดังกล่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ฐปณีย์นั้น นายสนธิญาณกล่าวว่า เป็นการเอา น.ส.ฐปณีย์มาเป็นข้ออ้าง ตนถามว่าแจ้งความทางโทรศัพท์ได้เหรอ ตนเคยรายงานข่าวของ น.ส.ฐปณีย์ในแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่มีคนไปตัดต่อให้ร้าย ซึ่ง น.ส.ฐปณีย์ก็รู้ แต่ พล.ต.ต.วิวัฒน์เอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อให้เกิดความชอบธรรมที่จะไปถึงเรื่องที่ไปจัดการกับ น.ส.ไญยิกา เพราะตำรวจไซเบอร์มีอำนาจหน้าที่ 8 ข้อ ซึ่งเป็นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่เดอะคริติกและสถาบันทิศทางไทยเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือไม่ หลักเกณฑ์คดีที่จะไปดำเนินการ มีเรื่องไหนเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นประมาท
"ถ้าการกระทำ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ครั้งนี้รับใช้นักการเมืองหรือรับใช้นายทักษิณ ท่านจะเสียประวัติ แต่อาจจะแย้งว่าไม่ได้รับใช้ แต่ทำไปตามหน้าที่ เหมือนที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์กล่าว แต่ทำให้กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์เสียหาย เพราะพูดกลับกลอก ถ้าคุณคิดว่าผมให้ร้ายคุณก็ดำเนินคดี โดนยิงยังโดนมาแล้ว ที่บอกว่ากลับกลอก เพราะคุณพูดว่าคุณได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ฐปณีย์ ซึ่งเรื่องข่าวเดอะคริติกที่ปรากฏขึ้นเกี่ยวกับ น.ส.ฐปณีย์ มีคนเอาไปตัดต่อ และมีหลักฐานยืนยัน แต่มาให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ฐปณีย์ โทร.มา เลยไปค้นเรื่อง แสดงว่า พล.ต.ต.วิวัฒน์เป็นรองผู้บัญชาการที่ใช้ไม่ได้ เพราะทนายความนายทักษิณไปแจ้งความตั้งแต่ 16 ม.ค. แล้วเพิ่งมารู้เพราะ น.ส.ฐปณีย์โทร.มาจึงไปค้นดู ซึ่งไม่ใช่ แต่มีการเปิดเผยออกมาแล้วว่าวันที่ 16 ก.พ. นายวิญญัติ ทนายความนายทักษิณมาติดตามคดี มันคุกคามเสียยิ่งกว่าคุกคาม ผมมีหลักฐานอยู่ในมือ ถ้าขึ้นศาลเราจะรู้กัน" นายสนธิญาณกล่าว
นายสนธิญาณกล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจไซเบอร์อาจจะคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องเป็นราว แค่ผู้ประกาศข่าวผู้หญิงคนเดียว แค่สำนักข่าวกระจอกๆ แค่เดอะคริติก แค่สถาบันทิศทางไทย แล้วก็รู้ว่าตนเป็นคนที่แตกต่างในวงการสื่อ ไม่เข้าไปสังกัด ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เหมือนมีคนออกมาพูดกันว่า นักข่าวถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หยุมหัว แถลงการณ์องค์กรวิชาชีพสื่อออกมา แต่นายสนธิญาณปากหมา ไม่มีสื่อไหนออกมาช่วยมันหรอก สำหรับตนไม่ว่ากัน แต่ตำรวจไซเบอร์ต้องรู้ว่าคดีนี้ นายวิญญัติไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และนำเข้าข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ถูกเกลียดชัง และได้รับความอับอาย ดูเหมือนเข้าเกณฑ์ แต่หน่วยงานนี้ทำขึ้นเพื่อทำคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ใช่ตัวบุคคล ปีหนึ่งมีการแจ้งความเท่าไหร่ ทำไมไม่ไปค้นหรือยื่นหมายด้วยตัวเอง คดี 112 ยังออกหมายเรียก มีเจตนากลั่นแกล้งตนหรือไม่
"ผมมีหลักฐานภายในองค์กรของคุณเอง ที่ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าคดีนี้เป็นคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นความผิดส่วนบุคคล เพียงแต่บุคคลคนนั้นชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ผู้ ส.ท.ร. เ...ได้ทุกเรื่อง จะเ...ไปถึงกองบัญชาการตำรวจเทคโนโลยีฯ ด้วยหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่พฤติกรรมที่มันเกิดขึ้น มันเป็นพฤติกรรมที่คุณเอาคดีหมิ่นประมาทมาคุกคามสถาบันทิศทางไทย คุณได้เจอกันแน่" นายสนธิญาณกล่าว
นายสนธิญาณกล่าวว่า วันนี้ตำรวจไซเบอร์จะทำให้องค์กรเสียหายเพราะรับใช้นายทักษิณ ชินวัตร องค์กรของตำรวจไซเบอร์ทำเรื่องความมั่นคงและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ใช่คดีหมิ่นประมาท เพราะคดีหมิ่นประมาท ทำไมไม่ปฏิบัติแบบนี้ แต่ละปีมีคดีที่เกี่ยวข้องกับออนไลน์ 3 หมื่นคดี และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กว่า 6 พันคดี เรื่องตั้งมากมาย กลับมาจัดการคดีหมิ่นประมาท ยกตำรวจนับสิบนายไปบ้านผู้หญิง ลูกผู้ชายเหรอ ตนไม่ได้มีปัญหา ขอให้ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตจะเจริญในหน้าที่การงาน ถ้าทำงานรับใช้นักการเมืองจะวิบัติและมีอันเป็นไป