xs
xsm
sm
md
lg

เจาะความจริง "ยิวป่วนปาย" ปัญหานักท่องเที่ยว 5 บาท 10 บาท ได้เวลาต้องทบทวนฟรีวีซ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจาะความจริงชาวยิวในเมืองปาย คนที่อยู่ปายมานานไม่เคยสร้างปัญหาแต่ในระยะหลังมีนักท่องเที่ยวประเภทมาแล้วไป ส่วนใหญ่เป็นพวกหนุ่มสาวปลดทหารได้เงินจากรัฐบาลก็มาเที่ยว ก่อนเงินหมดก็แวะมาที่ปาย ด้วยความเป็นวัยรุ่นคึกคะนองจึงไม่เคารพกฎเกณฑ์ อยากทำอะไรก็ทำตามใจ ถึงเวลาหรือยังที่ต้องทบทวนฟรีวีซ่าปล่อยนักท่องเที่ยว 5 บาท 10 บาท ไร้คุณภาพ เข้ามาสร้างปัญหาให้ประเทศ



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดจากชาวอิสราเอลที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้ข้อมูลจากประสบการณ์ของนายธนกร แสงสินธุ์ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร “ต้าเจียห่าว” ที่ไปเปิดเกสต์เฮาส์ และโรงเรียนสอนทำอาหารไทยอยู่ที่อำเภอปาย มานานกว่า 10 ปี และยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้

ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวขอให้ตัดประเด็นทางศาสนาและการเมืองออกไปก่อน และตอนนี้เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นของปัญหากันไปแล้ว โดยประเด็นปัญหาหลักจริงๆ คือ พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ได้แก่

1. ไม่เคารพกฎบ้านกฎเมือง กฎกติกา ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรม ทั้งของชาวปาย และกฎหมายไทย จะด้วยความไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งมึน อันนี้ก็ไม่ทราบได้

2. ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ทั้งของคนปาย คนไทย และชาวต่างชาติอื่นๆ


3. ไม่มีมารยาทในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคมที่อยู่ในพื้นที่ปาย

4. ใช้ชีวิตสบายๆ ตามใจตัวเอง นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจผลกระทบต่อคนรอบข้าง

5. ไม่เคารพสถานที่ เจ้าของพื้นที่ที่ตนเองใช้ชีวิตอยู่

6. ก่อปัญหามากมายในพื้นที่ เช่น เมาเละเทะ ทำลายข้าวของผู้อื่น ทะเลาะวิวาท ลักขโมย บุกรุกสถานที่ อุบัติเหตุบนท้องถนน ฯลฯ เป็นต้น

7. นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ ซึ่งถ้าจะต้องอธิบายให้เห็นภาพ เช่น

- ขับขี่รถจักรยานยนต์ (เช่า) ด้วยความเร็ว รวมกลุ่มกันหลายคัน ฝ่าไฟแดงบ้างแหละ ขับชิดซ้ายปาดเลี้ยวขวากะทันหัน ไม่เปิดไฟเลี้ยว อยากจอดกลางถนน กลางแยกก็จอด จอดกีดขวางทางจราจรก็จะจอด เฉี่ยวชนกับคนอื่นบ้าง เกี่ยวกันเองก็มี เพิ่มคดีให้ตำรวจทำ เพิ่มงานให้หมอ พยาบาล แทนที่จะต้องดูแลรักษาผู้ป่วยอื่น หรือผู้ป่วยตามหมอนัด


- ทำรถจักรยานยนต์ (เช่า) เสียหาย ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้า จะยอมรับก็ต่อเมื่อเจอหลักฐาน ภาพตอนก่อนเช่ารถออกไป ยันภาพกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ ถึงจะยอมรับ

- แต่งกายไม่เหมาะสม ไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น เดินถนนไม่ใส่เสื้อ ผู้หญิงใส่แค่บิกินีหรือชุดฟิตเนสร่อนทั่วเมือง ตักเตือนไปก็ไม่ใส่ใจ อ้างว่าอากาศร้อนเกินทน ซึ่งก็ควรไปอยู่ที่อื่นที่มันไม่ร้อน ที่มันสบายตัวกว่าอยู่ปายมั้ย?

- สูบบุหรี่ สูบกัญชาในทุกๆ ที่ ในร้านอาหาร วัด สถานพยาบาล บนทางถนนสาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือแม้แต่ขณะขับขี่รถจักรยานยต์ ไม่สนใจป้ายห้ามสูบ ไม่ใส่ใจว่ารอบข้างจะมีเด็ก ผู้สูงวัย หรือผู้ป่วยแต่อย่างใด

- ใช้บริการที่พัก กุเรื่องห้องพักไม่สะอาด ไม่สะดวกสบาย มีสัตว์ มีแมลงบ้างแหละ สรุปขอเงินคืน ขอลดราคา มีขนาดขอเปลี่ยนห้องแต่ต้องฟรี ไม่งั้นจะรีวิวให้เสียหาย เอาเข้าไป

- ทำทรัพย์สินของที่พักสกปรก เสียหาย แต่ไม่ยอมชดใช้ อ้างว่ามันพังอยู่แล้ว ของคุณภาพไม่ดี เก่าแล้ว มันเสียเอง ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่จ่าย


- เข้าไปใช้บริการร้านอาหารเป็นกลุ่ม เช่น ไปกัน 5-6 คน แต่สั่งอาหารแค่จานเดียว กินคนเดียว ทำให้ทางร้านขาดโอกาสสร้างรายได้ เพราะเสียเก้าอี้ที่นั่งไปฟรีๆ 4-5 ตัว แถมกินเสร็จก็นั่งแช่นาน ทางร้านก็เสียโอกาสจะรับลูกค้ารายใหม่ คิดง่ายๆ คนทั่วไป มา 5 คน สั่ง 5 จาน อย่างน้อยร้านต้องขายได้ 300 บาทต่อเวลาประมาณ 30 นาที แต่นี่มา 5 คน สั่ง 1 จาน ร้านขายได้ 60 บาท แถมเสียเวลารับลูกค้าใหม่ไปเป็นชั่วโมง ลองคิดดู เงิน 60 บาทกับ 600 บาท มันต่างกันขนาดไหน?

- นำอาหาร เครื่องดื่มจากนอกร้านเข้ามานั่งกินในร้านโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของร้าน บางครั้งมีเพื่อนนั่งกินอยู่ในร้านแค่คนเดียว ก็ขนอาหารจากนอกร้าน ยกพวกกันมานั่งกินในร้าน 5-6 คน เท่านั้นไม่พอ ทิ้งขยะไว้ให้ทางร้านเก็บอีก

- เรื่องร้านอาหาร มีหัวหมอ กินจนจะหมดอยู่แล้ว เหลืออีก 1-2 คำ บอกไม่อร่อยบ้าง ไม่สะอาดบ้าง มีสิ่งแปลกปลอมในอาหารบ้างแหละ มามุกขอเงินคืน ขอไม่จ่าย หรือแค่ขอลดราคาก็ยังดี

- ร้านอาหารอีกเรื่องที่เกิดเป็นประจำก็คือ อิ่มฟรี ชิ่ง ไม่จ่ายค่าอาหาร กินเสร็จ (แอบ) ลุกหนีออกจากร้านไปเลย ฝุ่นตลบ


- ผับ บาร์ ร้านไหนมีโต๊ะสนุกเกอร์ โต๊ะพูล โต๊ะปิงปอง ก็ยกพวกแห่กันเข้าไป จองเล่นหน้าตาเฉย ไม่สั่งอะไรเลยก็มี บางทีก็เหมือนเดิม สั่งเครื่องดื่มขวดเดียว บ้างก็แค่น้ำเปล่าขวดเดียว ยกพวกเข้าไปเป็น 10 คน อะไรแบบนี้ คนอื่นหมดสิทธิ์เล่น ถ้าจะเล่นก็ต่อคิวยาวๆ ไป

- พากันบุกรุกเข้าไปในสถานที่ที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ เช่น ยกพวกกันเข้าไปในโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำ มีฟิตเนส มีลานกว้าง สนามหญ้า เข้าไปใช้สระ ใช้เครื่องออกกำลังกาย สูบบุหรี่ สูบกัญชา พกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากภายนอกไปดื่มกัน ปาร์ตี้ฉ่ำๆ ส่งเสียงดัง ไม่เกรงใจใคร ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์เข้าไปใช้บริการ ตัวเองไม่ใช่ลูกค้าเลย ไม่เว้นแม้แต่สวนในบริเวณบ้านของชาวบ้านท้องถิ่น


- ดื่ม กิน ปาร์ตี้ เมาเละ แล้วก็เยี่ยว ขี้เรี่ยราดตามข้างทาง ตามท้องถนนไปเรื่อย ไม่เว้นแม้แต่หน้าบ้านคน ไปจนถึงทำลายทรัพย์สิน สิ่งของตามทางเรื่อยไป

- เมามากๆ หน่อย ก็ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับทุกชนชาติ ไม่เว้นแม้แต่วิวาทกับพวกเดียวกัน

- ลักขโมย ไม่รู้ด้วยความคึกคะนอง หรือหมดตูดแล้วจริงๆ สิ่งของเล็กน้อยไปจนถึงของมีค่า แค่ขนมห่อ โค้กกระป๋อง ก็ยังเอา


- ในสวนสาธารณะ ถ้าได้อยู่รวมกลุ่มกัน ก็ทั้งสูบกัญชา ดื่มแอลกอฮอล์ พูดคุยเสียงดัง ไร้ความเกรงใจผู้คนรอบข้าง สถานทึ่ และทิ้งซากขยะเลอะเทอะไว้ให้ดูต่างหน้า

… ซึ่งพฤติกรรมต่างๆ ที่กล่าวมานั้นคือเรื่องจริงที่ได้ไประงับเหตุมาจริง บางเหตุไประงับเหตุ บางเหตุได้จับกุมดำเนินคดีไป

ต่อมาเป็นเรื่อง ปริมาณชาวอิสราเอลในเมืองปาย

ตามข่าวที่ว่ามีชาวอิสราเอลมาเมืองปายมากกว่า 30,000 คน ตอบว่า ใช่ แต่มันคือปริมาณที่มาเช็กอิน ลงทะเบียนตามกฎ ตม.ในลักษณะท่องเที่ยว มาแล้วและก็ไปแล้ว

ที่มีอยู่ยาวจริงๆ ประมาณ 2,000-3,000 คน และในจำนวนนี้เป็นพวกเก่าแก่ อยู่มานานก่อนจะเกิดปัญหา ก็จะประมาณ 600-800 คน เพิ่งจะมาเพิ่มจำนวนมากขึ้นก็ประมาณ 1-2 ปีนี่เอง

พวกเก่าแก่นี้แทบไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลย สงบเสงี่ยมเรียบร้อย ส่วนใหญ่ก็วีซ่าเกษียณ หรือพวกบั้นปลายชีวิต

ส่วนพวกมาใหม่เพิ่มเติมก็จะเป็นพวกมีสามีภรรยาเป็นคนไทย แล้วย้ายรกรากมาปักหลักใหม่ที่เมืองปาย มาประกอบอาชีพ มาทำธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถูกฎหมายตามกฎหมายไทยเอื้ออำนวย ก็จะมีถูกใจไม่ถูกใจคนปายบ้าง คละเคล้ากันไป


พวกที่ก่อปัญหาส่วนใหญ่คือ พวกที่มาในสไตล์นักท่องเที่ยว ที่มาแล้วก็ไป ส่วนมากก็จะวัยรุ่นปลดทหาร มีเงินจากรัฐบาลอิสราเอลให้มา ก็ตรงดิ่งมาประเทศไทยเลย ตามรีวิวพวกรุ่นพี่ๆ ที่เคยมาก่อน ก็เที่ยวไปเรื่อยทั่วๆ ประเทศไทย และหมุดสุดท้ายก่อนกลับ (ก่อนเงินหมด) คือเมืองปาย ที่อากาศดี ค่าครองชีพต่ำ ต่ำแบบถูกแสนจะถูก สะดวกต่อการใช้ชีวิตในยามกระเป๋าตังค์แบนมากๆ แล้ว

ก็ด้วยความเป็นวัยรุ่น คึกคะนองตามประสา ว่ากล่าวตักเตือนอะไรก็ไม่ฟัง ไม่สน ไม่รับ ไม่รู้ เหมือนสีซอให้ควายฟัง ฉันใดก็ฉันนั้น ได้คำตอบกลับมาแค่ Why Why Why และ Why นี่แหละคือปัญหา

ส่วนเรื่องที่หลงประเด็นกันในขณะนี้ ก็คือ โบสถ์ยิว (Chabad) และการยึดครองดินแดนพันธสัญญา

Chabad ก็คือสถานที่ประกอบศาสนกิจของชาวยิว เทียบได้กับวัดไทยในต่างประเทศก็ไม่ผิด เวลาเราคนไทยไปเที่ยวหรือไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก เมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนาพุทธก็เข้าวัดนั้นเพื่อประกอบศาสนกิจ ชาวอิสราเอลก็เช่นกัน


ปัญหาที่เข้าใจผิดกันก็คือ เวลาชาวยิวจะแสดงความเคารพศาสดา ก็จะมีการสวด และร้องเพลง ซึ่งการร้องเพลงทำให้เข้าใจผิดกันไปว่ากำลังจัดปาร์ตี้กัน คนมากเสียงร้องเพลงก็จะดัง คนน้อยเสียงก็เบาๆ

ส่วนการสร้างห้องใต้ดิน ผู้นำสวดให้การมาว่าเป็นห้องลักษณะอ่างน้ำ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอะไรสักอย่าง อย่างในศาสนาพุทธก็จะมีแช่น้ำมนต์ล้างซวย ในศาสนาคริสต์ก็จะมีพิธีศีลจุ่ม เป็นอะไรทำนองนั้น คงไม่ใช่ที่ซ่องสุมเก็บอาวุธอะไร


ส่วนเรื่อง “ดินแดนพันธสัญญา” เลิกห่วงกันได้เลย แค่พื้นที่ประเทศของเขายังสร้างความสุขอะไรไม่ได้เลย จะเอาปัญญาที่ไหนมาหาทำที่เมืองปาย ที่ประเทศไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเราก็เก็บข้อมูล ศึกษาข่าวสารตลอดเวลาอยู่แล้ว มีวิธีการควบคุม ตีกรอบ วางกฎเกณฑ์ มีแผนรองรับอยู่พอสมควร หรือถ้าคิดจะทำจริงๆ ใครจะยอม


ตอนนี้แค่ขอให้ชาวปายช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น เกิดเหตุอะไรให้รีบแจ้ง จะได้รีบดำเนินการทางคดี ส่งกลับประเทศไป ไม่เอาไว้.!!!

อย่าหวังเพียงผลประโยชน์ (ส่วนตัว) หรือเงินทองเล็กน้อยที่เขาหยิบยื่นให้ อย่าหวังแค่ปรับเงิน 10 เท่า 100 เท่า แล้วก็เลิกรากันไป

คุณต้องพร้อมเป็นเจ้าทุกข์ ผู้ร้องทุกข์ เพื่อเปิดทางให้ตำรวจได้ดำเนินการทางคดีต่อได้ ยื่นดาบมาให้สิ พี่จะฟันมันไม่เลี้ยงเลย


และสุดท้าย ขอฝากถึงบรรดาท่านๆ ผู้ใหญ่ ระดับผู้บริหารประเทศช่วยทบทวนมาตรการพรีวีซ่าด้วย ถ้าจะฟรีวีซ่าโดยหวังเพิ่มแค่จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เราก็จะได้นักท่องเที่ยว 5 บาท 10 บาท ไร้คุณภาพแบบนี้ และนักท่องเที่ยว 5 บาท 10 บาทนี้ ไม่ได้มีแค่ชาวอิสราเอลเท่านั้น

“ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้คือความจริงที่คุณกร ซึ่งเคยทำงานกับผมอยู่ เป็นบรรณาธิการนิตยสารจีนฉบับหนึ่ง ชื่อ ต้าเจียห่าว แล้วคุณกร ก็ไปทำมาหากินอยู่ที่ปายสิบกว่าปีแล้ว ประสบการณ์ของคนที่อยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี ที่เล่าให้ฟังนี้ ไม่โกหกหรอกครับ และที่ผมรู้มาจากท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านเตรียมตัว เตรียมรับคนพวกนี้ไว้แล้ว ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือผมไม่รู้ว่าใครออกนโยบายฟรีวีซ่า

"ฟรีวีซ่า" ประเทศจีนก็มี แต่เขาให้กัน 15 วัน หรือสูงสุดไม่เกิน 30 วัน นี่เรามีฟรีวีซ่า 90 วัน แล้วบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายที่เข้ามาในประเทศไทย เท่าที่ประเมินสถานการณ์และติดตามข่าวสารข้อมูล ที่เลวที่สุดอันดับหนึ่ง ก็คือนักท่องเที่ยวชาวยิว ที่คุณกร้ล่าให้ฟัง ผมคิดว่าทางการต้องจัดการให้เด็ดขาด อย่างเช่น มีการสูบกัญชาในที่สาธารณะ ต้องจับทันทีเลย และที่สำคัญ ไม่ต้องดำเนินคดี ส่งให้ ตม.ส่งกลับไปเลย ถ้าดำเนินคดีเราเสียเวลา ส่งเสียงเอะอะลั่น ก่ออุบัติเหตุ ก่อโน่นก่อนี่ เตือนแล้วไม่จำ ก็จับมาในฐานะก่อความวุ่นวาย ส่ง ตม.ให้ส่งออก


“นั่นคือวิธีการ จริงๆ แล้วนโยบายทางหน่วยเหนือ ผมอยากเห็น ผบ.ตร. หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมกับพวก ตม. และตำรวจท้องที่ หรือจะเพิ่มกำลังตำรวจเพื่อรักษาความสงบ เพื่อจัดการพวกโหลยโท่ยพวกนี้ก่อน ให้มันสงบเงียบ แล้วก็ให้ข่าวนี้กระจายไปยังบรรดาโซเชียลมีเดียของพวกมันเอง ว่า เฮ้ย มาเมืองไทย ตำรวจไทยมันเอาจริง จะมาซี้ซั้วแบบนี้ไม่ได้” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น