xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.ผลัดใบ เหตุ “โจ๊ก” ต้องดิ้นลวงโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ป.ป.ช.เข้ายุคผลัดใบ กรรมการที่แต่งตั้งยุค 3 ป.ทยอยหมดวาระ เป็นเหตุให้ “โจ๊ก” ดิ้นลวงโลก จัดฉากพา “สุชาติ” เข้าพบ “วันนอร์” หวังทำให้คนเข้าใจว่าไปต่อรองเรื่องคำร้องถอดถอน ทำลายเครดิตประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกเชือดหาก "สุชาติ" เป็นประธาน ป.ป.ช. โดยเฉพาะคดีรับส่วยเว็บพนันที่ยังค้างคาอยู่ รวมทั้งอีกไม่กี่วันข้างหน้าผลสอบวินัยร้ายแรงจะออกมา



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา ว่า ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน-ผลัดใบของ ป.ป.ช. จากเดิมที่อยู่ใน “ยุค 3 ป.” มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” เป็นประธาน ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงกรรมการ ป.ป.ช.อีกหลายคนที่มีที่มาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังรัฐประหารปี 2557 ได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว มาสู่ยุคใหม่ที่การสรรหาต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาที่มาจากการเลือกแบบไขว้เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา


ด้วยเหตุนี้ กรรมการ ป.ป.ช.ในช่วงรอยต่อจึงมีที่มาจาก 3 ยุคปะปนกันอยู่ ได้แก่

1. ยุคปลายของ 250 ส.ว.(แต่งตั้งโดย คสช.ก่อนการเลือกตั้งปี 2562) จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ นายแมนรันต์ รัตนสุคนธ์ และ นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง

ส่วนนายพศวัจณ์ กนกนาถ ที่ได้รับความเห็นชอบตั้งแต่ 7 สิงหาคม 2566 ปัจจุบันยังมิได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง จึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมใดๆ ได้


2. ยุค ส.ว.สีน้ำเงินมี 1 คน ได้แก่ นายประภาส คงเอียด อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์

3. ป.ป.ช.ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว แต่อยู่รักษาการรอกรรมการคนใหม่จำนวน 2 คน ได้แก่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ (เพิ่งพ้นตำแหน่ง หลังโปรดเกล้าฯ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่) และนางสุวณา สุวรรณจูฑะ (จะพ้นตำแหน่งทางการ หลังมีกรรมการใหม่ครบ 7 คน)

เท่ากับว่าปัจจุบันมีกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งสิ้น 5 คน คือ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข (ประธาน), นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ, นายแมนรันต์ รัตนสุคนธ์, นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง และ นายประภาส คงเอียด


นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อ ป.ป.ช.เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน คนที่จะเดือดร้อนมากที่สุด และกลัวการที่นายสุชาติขึ้นมาเป็นประธาน ป.ป.ช.มากที่สุด ก็คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ที่มีคดีอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.อยู่หลายคดี ดังนั้น จึงเกิดกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พานายสุชาติ เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่บ้านพัก แล้วแอบถ่ายคลิปไว้ ก่อนนำมาปล่อยเพื่อให้สังคมสงสัยในตัวนายสุชาติว่าได้ไปต่อรองกับนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อให้ตีตกคำร้องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ล่ารายชื่อประชาชน 20,000 ชื่อ ยื่นถอดถอนนายสุชาติด้วยข้อหาร่ำรวยผิดปกติไว้ก่อนหน้านี้


ทั้งนี้ นายสนธิกล่าวว่า สาเหตุที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระดมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอนนายสุชาติ อาจจะเป็นเพราะนายสุชาติเป็นคนแข็ง ตรงไปตรงมา ไม่ยอมกับความไม่ถูกต้อง หรืออาจจะเป็นเพราะว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กำลังกังวลว่าคดีที่ตัวเองอยู่ใน ป.ป.ช.นั้น ถ้ามีนายสุชาติอยู่ด้วย จะมีปัญหากับตัวเองหรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ไปขอร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นตัวกลางประสานงาน นัดนายสุชาติไปเจอกับ พล.ต.อ.พัชรวาท มีการปรับความเข้าใจและขอให้คืนดีกันได้ไหม

"ซึ่งท่านสุชาติ ในหลักการก็บอกว่าท่านไม่มีอะไรกับใคร ท่านมีหลักทางด้านนิติธรรมชัดเจน อะไรผิดก็ว่าเป็นผิด อะไรถูกก็ว่าเป็นถูก คุณสุรเชษฐ์ก็เลยใช้วิธีการว่าเดี๋ยวจะพาไปเจอท่านวันนอร์ เพื่อจะถอนเรื่องที่ตัวเองร้องเรียนไป"


“สุรเชษฐ์ก็บอกว่า ท่านวันนอร์อยากพบ จะพาไปพบ ท่านสุชาติก็เห็นว่าท่านวันนอร์เป็นถึงประธานรัฐสภา ก็เลยไปพบ ก็เลยมีคนอัดคลิป ผมก็ไม่รู้ว่าใครอัด เพราะในห้องนั้นมีแค่ 3 คน มีท่านวันนอร์ มีท่านสุชาติ แล้วก็มีคุณสุรเชษฐ์ หักพาล ท่านผู้ชมก็คงจะเดาออกล่ะมั้งว่าคลิปมันมาจากใคร คำพูดในการพูดจาก็ไม่มีอะไร ก็ซักถามกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่ได้มีการวิ่งเต้นขอเรื่องขอราวโน่นนี่นั่น ก็ปรากฏว่าท่านวันนอร์ ท่านก็ชี้แจงมาว่า คดีที่ร้องเรียนมา ในกรณีของท่านสุชาติ ที่สุรเชษฐ์ หักพาล เอาคน 2 หมื่นคนมาเซ็นนั้น ท่านบอกว่าดูแล้วมันไม่มีมูล

สิ่งที่คุณสุรเชษฐ์ต้องการทำในขณะนี้คือ ต้องการเอาตัวรอด เพราะคดีของตัวเองที่อยู่ใน ป.ป.ช.นั้นกำลังเข้าโค้งสุดท้ายแล้ว ที่สำคัญคือ เขาต้องการให้มีประธาน ป.ป.ช.ที่มีนิสัยใจคอคล้าย พล.ต.อ.วัชรพล อดีตประธาน ป.ป.ช.ที่สนิทสนมกับคุณสุรเชษฐ์ หักพาล และในขณะเดียวกัน กรรมการ ป.ป.ช.หลายคน คุณสุรเชษฐ์ก็หวังว่าจะมีเมตตากับคุณสุรเชษฐ์ ส่วนคุณสุรเชษฐ์จะทำวิธีไหนที่ให้กรรมการมีเมตตากับเขานั้น ผมไม่ทราบ"



“เพราะว่าถ้าคุณสุรเชษฐ์โดน ป.ป.ช. ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ก็หมายความว่าตัวเองนั้นก็จบชีวิตราชการ และไม่สามารถจะกลับมาได้อีกแล้ว ซึ่งเป็นประเด็นที่สุรเชษฐ์ ไม่ยอม เพราะตัวเองคิดว่าตัวเองยังสามารถกลับมาได้

เพราะฉะนั้น โดยพื้นฐานแล้ว สุรเชษฐ์ต้องทำทุกวิถีทาง เพราะนี่ก็คือหลังชนกำแพงแล้ว ถ้าไม่ทำก็ตายลูกเดียว ประกอบกับวันที่ 20 นี้ อีกไม่กี่วันนี้ วันพฤหัสฯ หน้า คณะกรรมการพิจารณาวินัยร้ายแรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะมีมติออกมาแล้ว ถ้าคุณสุรเชษฐ์ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ก็อาจจะถึงขั้นถูกให้ออกจากราชการเลย อุปมาอุปไมยเหมือนคุณสุรเชษฐ์ ตอนนี้ถอยไปทีละก้าวๆ และหลังชนกำแพงแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเอง อันนี้ผมไม่รู้ ผมเห็นใจ เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้คุณสุรเชษฐ์เลยต้องดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ”
นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ ที่เป็นรักษาการประธาน ป.ป.ช. พยายามเอาเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เข้าที่ประชุมกรรมการชุดใหญ่ หลังจากที่คณะอนุกรรมการที่มีนายเอกวิทย์ เป็นประธานได้มีการชี้มูลคดีเว็บพนันว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวก ไม่ผิด ยกเว้นที่ผิดคนเดียวคือ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ซึ่งหากกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่มีมติตามนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็จะพ้นจากความผิดและกลับมาไล่ฟ้องคนโน้นคนนี้เหมือนเดิม


อย่างไรก็ตาม ตำรวจที่ทำคดีเว็บพนันได้ทำหนังสือร้องเรียนไปถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าคณะอนุกรรมการไม่ได้พิจารณาหลักฐานและข้อมูลที่ตำรวจให้ไป จึงยังไม่มีการนำเรื่องเข้าพิจารณาใน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ต้องสอบสวนสืบสวนกันให้ลึกซึ้งกว่านั้นก่อน จนกระทั่งนายสุชาติได้รับเลือกจากที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เป็นประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ด้วยคะแนน 5 ต่อ 2 เสียง โดย 2 เสียงนั้นมี นายเอกวิทย์ ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการที่พิจารณาคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และอีกเสียงหนึ่งคือนายแมนรัตน์ ซึ่งเป็น ป.ป.ช.ที่มาจากสายปกครอง ก็คืออดีตเป็นอธิบดีกรมการปกครอง

อย่างไรก็ตาม นายวิทยาพยายามจะเอาเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เข้าที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ให้ได้ พอเอาเข้าที่ประชุม นายประภาศ คงเอียด ซึ่งเพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น ป.ป.ช.คนใหม่ เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจึงออกจากที่ประชุมทำให้องค์ประชุมขาด วันต่อมานายวิทยาพยายามเอาเข้าที่ประชุมอีกครั้ง แต่องค์ประชุมก็ไม่ครบอีก เรื่องจึงค้างอยู่ จนกระทั่งวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นประธานกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ มีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป แปลว่าจากนี้ไปแล้ว บทบาทการรักษาการประธาน ป.ป.ช.ของนายวิทยา ต้องหมดไปโดยปริยาย ไม่มีสิทธิ์แล้ว

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการไปพบท่านวันนอร์นั้น ปรากฏว่าไร้ผล เพราะท่านสุชาติยืนอยู่บนหลักการที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่ามาถอนการร้องเรียนที่สภาผู้แทนราษฎร แล้วก็จะมาเจรจาต่อรองเรื่องโน้นเรื่องนี้ ท่านสุชาติไม่เอาด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามีการต่อรองหรือเปล่านะ

ก็เหมือนอย่าง ถ้าสมมติว่าผมพบคุณสุรเชษฐ์ หักพาล แล้ว คุณสุรเชษฐ์เจอเรียบร้อยแล้ว ออกไปถอนฟ้องผม ผมก็สุนัขสิครับ เขาเรียกหมาเลย ผมถึงไม่ยอมพบไง ท่านผู้ชม และผมก็บอกแล้วว่าผมเมตตาเขาในฐานะน้องคนหนึ่ง แต่อะไรถ้ามันถูกต้อง ผมต้องยืนให้มั่น เพราะว่าบ้านพระอาทิตย์ยืนอยู่บนความถูกต้อง และยืนอยู่บนความจริงที่มีหนึ่งเดียว”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น