xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอย “13 ศพแม่น้ำโขง” จีนตั้งทีมล่า “หน่อคำ” โมเดลสุดซอย? ปราบแก๊งคอลฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนรอยเหตุสังหารหมู่คนจีน 13 ศพบนเรือกลางลำน้ำโขง 14 ปีก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่ไทย ลาว พม่า คลี่คลายคดีล่าช้า ทางการจีนอดรนทนไม่ไหวต้องตั้งหน่วยพิเศษไล่ล่าคนร้ายเอง จนสามารถจับกุม “หน่อคำ” เจ้าพ่อยาเสพติดชาวพม่า ส่งตัวไปดำเนินคดีที่ยูนนานและลงโทษประหารชีวิต เป็นโมเดลที่รัฐบาลจีนอาจต้องนำมาใช้หากการขอร้องให้รัฐบาลไทยและพม่าปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังไม่ได้ผล



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ลูกเรือจีน 13 ศพในแม่น้ำโขง บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เมื่อปี 2554 ซึ่งหลังเกิดเหตุคดีไม่มีความคืบหน้า จนรัฐบาลจีนต้องใช้หน่วยพิเศษหาข่าวและไล่ล่าผู้ต้องหาในไทย ลาว และพม่า นาน 6 เดือน จนสามารถจับตัว “นายหน่อคำ” หัวหน้าแก๊งยาเสพติดชาวพม่า ได้ที่ประเทศลาว หลังจากนั้นนายหน่อคำและลูกสมุนถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศจีนและได้รับโทษประหารชีวิต ซึ่งนี่อาจจะเป็นโมเดลที่รัฐบาลจีนต้องทำมาใช้ หากการขอร้องให้รัฐบาลไทยและเมียนมาปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกลุ่มจีนเทาไม่ได้ผล


ย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีก่อน วันที่ 5 ตุลาคม 2554 เกิดเหตุลูกเรือชาวจีน 13 คนถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดกลางลำน้ำโขงใกล้เขตพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ เป็นคดีใหญ่ที่สั่นสะเทือนข้ามประเทศ จนรัฐบาลจีนต้องส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษสืบสวนและไล่ล่าข้ามพื้นที่ 4 ประเทศ จีน พม่า ลาว และไทย จนนำไปสู่การจับกุมและประหารชีวิตเจ้าพ่อยาเสพติดชาวพม่า ที่ชื่อ "หน่อคำ"


ก่อนเหตุการณ์ครั้งนั้น มีเรือสินค้าจีน 2 ลำแล่นมาจากแม่น้ำล้านช้างของประเทศจีน ลำหนึ่งชื่อ “หัวผิง” เป็นเรือที่บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง อีกลำเป็นเรือขนสินค้าทางการเกษตร มีกระเทียม และแอปเปิล ชื่อ “ยู่ซิง 8” สัญชาติจีน ปรากฏว่าเมื่อมาถึงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำเรือก็ถูกกราดยิงแล้วลอยมาติดฝั่งไทย บริเวณริมถนนสายเชียงแสน-แม่สาย หมู่ที่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พอเจ้าหน้าที่ไทยเข้าไปตรวจสอบก็พบศพและอาวุธปืนเล็กกล AK-47 จำนวน 1 กระบอก ยาบ้าบนเรือ 2 ลำ รวมกว่า 920,000 เม็ด ถูกซ่อนในกระสอบ และใส่ลังผลไม้ ที่สำคัญยังพบศพคนตายบนเรืออีก 1 ศพ ที่น่าประหลาดใจคือไม่เจอใครบนเรืออีกเลย นอกจากศพ 1 ศพ และอาวุธปืน


เมื่อทางการจีนรู้ว่าเป็นเรือสัญชาติจีน จึงเกาะติดความคืบหน้าของคดีและกลายเป็นประเด็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่มีใครพูดในตอนนั้น

หลังจากเรือถูกกราดยิงในวันที่ 5 ตุลาคม และพบชาวจีนอยู่บนเรือเพียง 1 ศพแล้ว ผ่านมาอีกสองวัน วันที่ 7 ตุลาคม ก็มีการพบศพลูกเรือจีนลอยน้ำมาติดริมฝั่งแม่น้ำโขงรวมทั้งสิ้น 13 ศพ

วันที่ 10 ตุลาคม 2554 กระทรวงการต่างประเทศจีนได้แถลงรายละเอียดของการสังหารโหดนี้ ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคมจีนเลยติดต่อรัฐบาลลาว ไทย พม่า ให้รัฐบาลของแต่ละประเทศช่วยกรณีสืบสวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ยิ่งสืบไป เรื่องราวยิ่งลึกลับซับซ้อนมากขึ้น เพราะบนเรือสินค้าพบยาบ้าซุกซ่อนในกระสอบ 920,000 เม็ด แต่ทางรัฐบาลจีนไม่พอใจ เพราะว่าได้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันในทำนองว่า ยาบ้านั้นถูกเอามาซุกไว้ทีหลัง ขอให้รัฐบาลไทยรีบเร่งคลี่คลายคดี


ในช่วงนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ปป.1 พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ลงไปคลี่คลายคดี

วันที่ 28 ตุลาคม ใช้เวลาประมาณยี่สิบกว่าวันตำรวจก็สืบสวนอย่างละเอียด ก็ได้ข้อมูลระดับหนึ่ง ก็เลยตั้งข้อหาต่อนายทหารกองกำลังผาเมือง 9 นาย มีตั้งแต่ระดับสัญญาบัตร และชั้นประทวน ซึ่งแน่นอนทั้งหมดให้การปฏิเสธ รัฐบาลตอนนั้นก็เลยสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลการสืบสวนสอบสวนต่อไป เจ้าหน้าที่ทางจีน รัฐบาลจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่ของตัวเองมาร่วมปฏิบัติหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย

ราว 1 หรือ 2 เดือนหลังเกิดเหตุ มีการเรียกสอบคนไทยและต่างชาติกว่า 100 ปาก ภาคการเมืองได้ติดตามคดีนี้อย่างถี่ยิบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ คณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร หลายคณะ จนกระทั่งมีความเห็นว่าคดีนี้ฝ่ายการเมืองต้องการเร่งรัดคดีให้จบ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทุกคนให้การตรงกันหมด ก็คือว่า คดีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบันทหารหรือกองทัพ แต่เป็นเรื่องของส่วนบุคคล

หลังเกิดคดี ทางการไทยที่มีผลประโยชน์มากมายในลำน้ำโขง พยายามป้ายสีว่าลูกเรือจีนเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติด ท่ามกลางข้อสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เพราะปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุนั้นบ่งบอกว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย

นายเมิ่ง เจี้ยนจู้ รัฐมนตรีประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีนในเวลานั้น เดินทางมาประเทศไทยเพื่อสืบสาวราวเรื่องด้วยตัวเอง
เมื่อถึงจุดที่รัฐบาลจีนอดรนทนไม่ไหว จึงได้ส่ง นายเมิ่ง เจี้ยนจู้ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของจีน เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุที่ประเทศไทยด้วยตัวเอง พร้อมตั้งชุดสอบสวนพิเศษใช้ตำรวจกว่า 200 นายเพื่อคลี่คลายคดี

รัฐบาลจีนยังกดดันให้รัฐบาลไทย ลาว และพม่า เปิดทางให้หน่วยพิเศษของจีนหาข่าวและไล่ล่าผู้ต้องหาใน 3 ประเทศได้โดยสะดวก ทั้งๆ ที่จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากพรมแดนจีนหลายร้อยกิโลเมตร

หน่วยปฏิบัติการพิเศษของจีนในเวลากว่า 6 เดือนในการไล่ล่านายหน่อคำ ถึงขนาดที่เคยวางแผนจะใช้โดรนบินมาทิ้งระเบิดถล่มแหล่งกบดานของหน่อคำ แต่สุดท้ายต้องล้มเลิกแผน เพราะคำสั่งจากเบื้องบนที่ให้จับเป็นเท่านั้น


ในที่สุด “หน่อคำ” ก็ถูกจับกุมได้ที่ประเทศลาวเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2555 รัฐบาลจีนยังกดดันให้ทางการลาวส่งตัวนายหน่อคำและลูกสมุนไปดำเนินคดียังประเทศจีน ทั้งๆ ที่ทางการไทยและพม่าก็ต้องการตัวหน่อคำมาดำเนินคดีตามหมายจับเช่นเดียวกัน

รัฐบาลจีนมีบัญชาให้ศาลมณฑลยูนนานเปิดไต่สวนคดีภายใน 40 วัน แต่ความยุ่งยากของคดีนี้ก็คือ “คนพม่าฆ่าคนจีน ที่ประเทศไทย” ผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นคนต่างชาติ เเละถูกจับกุมได้ในต่างแดน แต่ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายจีน ซึ่งถือเป็นคดีเเรกในประวัติศาสตร์


ศาลมณฑลยูนนานได้แต่งตั้งผู้พิพากษา 3 คนในคดีนี้ ซึ่งล้วนเป็นผู้พิพากษาที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้พิพากษาหญิง นอกจากนี้ศาลยังแต่งตั้งทนายแก้ต่างให้นายหน่อคำด้วย ซึ่งก็เป็นทนายหญิงเช่นเดียวกัน ส่วนคณะอัยการก็ประกอบด้วยผู้หญิง 2 คน ถือเป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ผู้หญิงได้เข้ามามีส่วนร่วมกับคดีใหญ่เช่นนี้

ศาลเปิดพิจารณาคดีหน่อคำและพวกภายใต้บทบัญญัติที่ว่า “ผู้ต้องหาต่างชาติที่ต้องคดีที่มีโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปีให้ใช้กฎหมายจีนพิจารณาคดีได้” โดยในการไต่สวนต้องใช้ล่ามถึง 5 ภาษา คือ จีน ไทย ลาว ไทใหญ่ เเละภาษาไต


ความยุ่งยากของคดีนี้ยังเกี่ยวพันถึงกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากผู้ต้องหาเเละพยานเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ จึงไม่อาจใช้กฎหมายจีนมาบังคับได้ เเต่ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งผู้พิพากษายอมรับว่าต้องสร้าง “ระเบียบเฉพาะกิจ” เพื่อรองรับคดี โดยทั้งทางการลาว พม่า เเละไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้การในชั้นศาล ซึ่งฝ่ายไทยได้ให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมตำรวจ 6 นาย และพยานอีก 10 คน มายังจีนเพื่อขึ้นศาลเป็นพยานคดี

ในชั้นศาล หน่อคำพลิกลิ้นว่าเขาไม่ได้ลงมือสังหารลูกเรือจีน ลูกน้องของเขาลงมือโดยเขาไม่ได้สั่ง ซึ่งคณะอัยการได้แก้เกมโดยไต่สวนลูกสมุนของหน่อคำทีละคน ทั้งหมดซัดทอดว่าหน่อคำเป็นคนบงการสังหารลูกเรือชาวจีน เพื่อแก้แค้นที่เรือจีนไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง ทำให้ในที่สุดหน่อคำต้องยอมจำนนยกมือไหว้ กล่าวว่า “ขอยอมรับความผิดทั้งหลายเเละพร้อมจะชดใช้ให้ญาติผู้เสียหาย เเละขอร้องให้รัฐบาลจีนผ่อนปรนไว้ชีวิตด้วย”

ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ได้พิพากษาประหารนายหน่อคำ และสมุน 3 คน พร้อมปฏิเสธข้อเสนอของหน่อคำที่จะชดใช้ค่าเสียหายเพื่อลดหย่อนโทษ รวมทั้งเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้หน่อคำเเละลูกสมุน 3 คนต้องจบชีวิตบนแผ่นดินจีน


นายหาน สี่กวาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงจีน ยังเปิดเผยมูลเหตุที่นายหน่อคำสังหารลูกเรือจีน เพราะสงสัยว่าเรือจีน 2 ลำค้ายาเสพติด จึงเข้าไปขอค่าคุ้มครองแต่ถูกปฏิเสธ และเพื่อแก้แค้นเรือจีนที่ช่วยเหลือทหารพม่าปราบปรามกลุ่มของนายหน่อคำ

ที่สำคัญคือ ตำรวจจีนยังระบุด้วยว่ามีทหารไทยที่มีพฤติกรรมนอกกฎหมาย 9 นายร่วมก่อเหตุนี้ด้วย ซึ่งเป้าหมายของทหารเหล่านี้ก็เพื่อรางวัลด้านการปราบปรามยาเสพติด และผลด้านการเลื่อนตำแหน่ง

สมุนของนายหน่อคำให้การว่าจุดประสงค์ที่ร่วมมือกับทหารนอกแถว ก็เพื่อให้ทหารเหล่านี้ให้ความสะดวกในการคุ้มครองการขนส่งและค้าขายยาเสพติดในเขตท่าเรือเมืองเชียงแสนกับกลุ่มนายหน่อคำ นอกจากนี้ทหารเหล่านี้ยังให้สัญญาว่าจะมอบอาวุธและกระสุนให้กับกลุ่มนายหน่อคำด้วย

“ในอดีตชาวจีนในต่างแดนไม่กล้าบอกว่าตนเองเป็นคนจีน เพราะไม่มีหลักประกันความปลอดภัย แต่ในวันนี้พวกเขาสามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้ว” หลิว เย่จิ้น ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติจีน ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์แห่งชาติจีน ซีซีทีวี ในรายการพิเศษถ่ายทอดสดวันประหารชีวิตนายหน่อคำและลูกสมุน 3 คน


หลังคลี่คลายคดี ทางการจีนได้จัดตั้ง “หน่วยลาดตระเวนแม่น้ำโขง” ร่วม 4 ชาติ คือ ไทย พม่า จีน และลาว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้เรือสินค้า และมีปฏิบัติการร่วมกันเป็นประจำ

เหตุการณ์ “หน่อคำ” จับมือกับเจ้าหน้าที่ไทยบางส่วนสังหารโหดลูกเรือชาวจีน 13 ศพเมื่อ 14 ปีก่อน ส่งผลให้ภูมิศาสตร์ทางอำนาจในลำน้ำโขงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจนถึงทุกวันนี้อย่างที่หลายคนทราบ


“เหตุการณ์สังหารโหดเมื่อ 14 ปีก่อน ที่คร่าชีวิตคนจีนผู้บริสุทธิ์ไป 13 ศพ หลังจากถูกจับกุมได้ หน่อคำ และพวกอีก 3 คนถูกประหารชีวิตตั้งแต่ปี 2556 แต่ท่านผู้ชมรู้ไหม เจ้าหน้าที่ไทย ทหารไทยจำนวน 9 คน ยังคงลอยนวลอยู่ได้ คดีเพิ่งจะมีการส่งฟ้องเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 หลังเกิดเหตุมา 11 ปี ปัจจุบันคดียังอยู่ชั้นอัยการ เพื่ออะไร? รอให้คดีหมดอายุความภายใน 20 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในปี 2574 ก็คืออีก 6 ปีข้างหน้า ผมเป็นคนไทย ผมยังอับอายขายหน้าเลย ผมไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้น ผมยึดถือความจริงมีหนึ่งเดียว

“แล้วเราอย่าไปนึกว่าจีนเขาไม่รู้นะ ว่าเจ้าหน้าที่ไทย 9 คนที่มีส่วนฆ่าคนของเขาอย่างอำมหิตเลือดเย็นยังลอยนวลอยู่ โดยที่เจ้าหน้าที่ไทยและทางการไทยรู้เห็นเป็นใจ เพราะจีนเขาจารึกเรื่องนี้ไว้ในประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว มีการทำเป็นซีรีส์คอยเตือนใจผู้คนด้วยว่าเคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงนี้เกิดขึ้นจากน้ำมือโจรสลัดแม่น้ำโขงที่จับมือกับเจ้าหน้าที่ไทย เป็นซีรีส์ยาว 35 ตอนที่สร้างจากเรื่องจริง ชื่อเรื่อง
"เหมยกงเหอต้าอั้น" ในชื่อไทยคือ "13 ศพ แม่น้ำโขง" ออกฉายเมื่อปี 2557 แล้วมาออกช่อง 9




“ท่านผู้ชมครับ จาก 14 ปีก่อนที่เกิดเหตุสังหารโหดลูกเรือชาวจีน 13 คน ถึงวันนี้ที่เกิดเหตุแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ คอยหลอกลวง หลอกล่อ สร้างความเสียหายให้กับเหยื่อหลายประเทศ โดยองค์กรอาชญากรรมที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายแสนคน กระทบผู้คนเป็นล้านๆ คน ความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ ท่านผู้ชมคิดว่ารัฐบาลปักกิ่งเขาจะอยู่นิ่งเฉยเหมือนรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่ไทย หรือเขาจะไปสุดซอยด้วยการกวาดล้างพวกนี้ให้สิ้นซาก ท่านผู้ชมคงจะรู้คำตอบแล้ว” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น