อดีตบิ๊กข่าวกรองถามไทยพร้อมแค่ไหนคิดจะแบกรับภาระของกลุ่มผู้อพยพ มีเงิน มีบุคลากรทางการแพทย์พร้อมแล้วหรือ วอนสงสารคนทำงานบ้าง อย่าเป็น “เตี้ยอุ้มค่อม“
จากกรณี "หมอเบียร์" โพสต์เฟซบุ๊กชี้ค่ายผู้อพยพกลายเป็นปัญหาหนักอกของสาธารณสุขท้องถิ่น เนื่องจากขาดการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเพียงพอ จำนวนผู้ลี้ภัยมีมากจนเกินกำลังที่บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่รับมือได้ ส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชนในพื้นที่
ล่าสุดวันนี้ (4 ก.พ.) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงประเด็นดังกล่าว ถามไปถึงภาครัฐว่ามีความพร้อมแล้วหรือกับการรับภาระค่าใช้จ่ายและความเหนื่อยยากของบุคลากรทางการแพทย์ในการเข้ามาดูแลกลุ่มผู้อพยพจำนวนมากนี้ ทั้งนี้ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้ระบุข้อความว่า
"เตี้ยอุ้มค่อม
เห็นข่าวหมอเบียร์จาก รพ.แม่สอด ประกาศจะ
ลาออกเพราะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งให้ไปดูแลคนในศูนย์ฯ ข่าวเล็กๆ แต่สะท้อนความเป็นจริง
หลังจากที่ทรัมป์ประกาศยกเลิก USAID ยกเลิกความช่วยเหลือเอ็นจีโอและประกาศยุติการทำงานในรพ.ศูนย์ฯ รัฐบาลไทยใจดีจะเข้าไปแบกรับแทน
สั่งขี้มูกน่ะมันง่าย
รู้ไหมตัวเลขผู้หนีภัยสู้รบตลอดแนวมีเท่าไร หลายหมื่นคนเต็มไปด้วยโรคที่ไม่มีในไทย ต้องใช้เงินงบประมาณเท่าไร คำนวณหรือยัง ต้องใช้บุคลากรเท่าไร หมอพยาบาลกี่คน ดูแลเฉพาะคนไทยเหนื่อยไม่พอหรือ ไม่สงสารลูกน้องตัวเองกันบ้างหรือว่าจะโหลดงานหนักเพียงใดและเราจะต้องรับภาระกี่ปี ถ้ารัฐบาลรวยมีเงินงบเหลือเยอะจะไม่บ่นสักคำ
รู้หรือไม่ ทำไมเราเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ ผู้หนีภัยการสู้รบ ทำไมไม่เรียกผู้อพยพ ผู้หนีภัยการสู้รบเมื่อการสู้รบยุติ คนเหล่านั้นต้องกลับประเทศถิ่นฐานเดิม แต่ผู้อพยพเราต้องรับภาระแบบเต็มๆ ด้วยงบประมาณแผ่นดินของไทย
ได้แต่หวังว่าการยุบ USAID เงินที่ช่วยสนับสนุนอาวุธให้กลุ่มต่างๆ จะหยุดการสู้รบลดลง เมียนมาจะได้จัดการปัญหาภายในของตนเองโดยไม่มีปัจจัยภายนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยว กดดัน
อย่าเป็นเตี้ยอุ้มค่อม"