xs
xsm
sm
md
lg

ทันตแพทย์ยัน “ฟลูออไรด์” ไม่ทำให้สติปัญญาลดลง หลังมีข่าวลือในโซเชียล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยืนยัน “ฟลูออไรด์” ไม่สามารถเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับสติปัญญาลดลงได้ และใช้ในปริมาณที่เหมาะสมยังคงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก

วันนี้ (4 ก.พ.) เพจ "Mahidol Channel" ของ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์บทความจาก รศ. ดร.ทพ.พรพจน์ เฟื่องธารทิพย์ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขั้นสูง คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในเรื่อง “ฟลูออไรด์มาก-น้อยแค่ไหน ไม่อันตราย”

ระบุว่า “ตามที่มีประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับ "ฟลูออไรด์" ว่าอาจส่งผลต่อสติปัญญาของเด็ก ทำให้หลายๆ คนเกิดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อย่างรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญ มาติดตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฟลูออไรด์ในบทความนี้กันครับ

ฟลูออไรด์คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ
ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติในน้ำ ดิน อาหาร และยังถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยป้องกันฟันผุ โดยช่วยเสริมสร้างเคลือบฟันให้แข็งแรงและต้านทานต่อกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก

ฟลูออไรด์กับความปลอดภัย
องค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงองค์กรด้านสุขภาพทั่วโลกให้การยอมรับว่าฟลูออไรด์เป็นสารสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุในประชากร มีหลักฐานทางวิชาการมากมายที่สนับสนุนว่าฟลูออไรด์ช่วยลดการเกิดฟันผุได้มากถึง 20-40% ทั้งในฟันแท้และฟันน้ำนม จึงมีการนำมาใช้ใส่ในยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และการรักษาโดยทันตแพทย์ในปริมาณที่จะปลอดภัยต่อร่างกาย นอกจากนี้ ในบางประเทศยังมีการกำหนดระดับฟลูออไรด์ที่เหมาะสมและเติมลงไปในน้ำดื่ม ซึ่งหากใช้ฟลูออไรด์ต่างๆ เหล่านี้ในปริมาณที่กำหนด ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายต่อสุขภาพ

ปริมาณฟลูออไรด์ที่เหมาะสม

1. ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม

- ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยแนะนำว่า ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำดื่มควรไม่เกิน 0.5 ppm หรือ 0.5 มก.ต่อลิตร เนื่องจากคนไทยบริโภคน้ำในปริมาณมากจากสภาพอากาศร้อน และได้รับฟลูออไรด์จากแหล่งอื่นๆ อย่างเพียงพอ

- องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ระดับฟลูออไรด์ในน้ำดื่มไม่เกิน 0.7 ppm แต่เนื่องจากประเทศไทยมีการเข้าถึงยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ได้ง่าย จึงกำหนดระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล

- นักวิชาการไทยยังคงไม่สนับสนุนการเติมฟลูออไรด์ลงในน้ำดื่มสาธารณะ (Public Water Fluoridation)

2. ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟัน

- แนะนำให้ใช้ ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ 1500 ppm สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กอายุเกิน 6 ขวบ

- เด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบควรใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ 1000 ppm และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ปกครอง

- ไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เนื่องจากอาจกลืนลงไปโดยไม่ตั้งใจ

3. การจ่ายฟลูออไรด์เม็ด

- ปัจจุบันทันตแพทย์เด็กไม่แนะนำให้จ่ายฟลูออไรด์เม็ด สำหรับทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ยกเว้นในกรณีที่มีความจำเป็นพิเศษ เช่น เด็กพิเศษที่ไม่สามารถดูแลสุขภาพฟันได้เองและมีฟันผุ

- หากกุมารแพทย์จ่ายฟลูออไรด์เม็ดให้มา ควรสอบถามถึงความจำเป็น หรือปรึกษาทันตแพทย์เด็กก่อน

ข่าวเรื่องฟลูออไรด์ทำให้สติปัญญาลดลง น่ากังวลแค่ไหน มีงานวิจัยบางชิ้นที่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฟลูออไรด์กับสติปัญญา โดยเฉพาะในเด็ก แต่การศึกษาเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดด้านระเบียบวิธีวิจัย ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าฟลูออไรด์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับสติปัญญาลดลง นอกจากนี้ งานวิจัยที่นำมาอ้างถึงเป็นการศึกษาที่ระบุถึงการใช้ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำดื่มที่สูงกว่ามาตรฐานที่ประเทศไทยแนะนำมาก (มากกว่า 1.5-4 ppm) ดังนั้น จึงยังไม่สามารถนำมาใช้เทียบเคียงกับการใช้ฟลูออไรด์ในระดับเหมาะสมที่มีอยู่ได้

โอกาสได้รับฟลูออไรด์เกินขนาด-ยากกว่าที่คิด
พิษเฉียบพลัน (Acute Toxicity)
ฟลูออไรด์จะเป็นอันตรายแบบเฉียบพลันก็ต่อเมื่อได้รับในปริมาณสูงมาก 5 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่เกิดขึ้นได้ยากมากในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่าง
- เด็กน้ำหนัก 10 กก. จะต้องได้รับฟลูออไรด์ 50 มก. ในครั้งเดียว ถึงจะเกิดอาการเป็นพิษ
- ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ 1000 ppm มีฟลูออไรด์ 1 มก. ต่อเนื้อยาสีฟัน 1 กรัม
- นั่นหมายความว่า ต้องกลืนยาสีฟันมากกว่า 50 กรัม หรือปริมาณยาสีฟันทั้งหลอดเต็มๆ ในครั้งเดียว ซึ่งเด็กทั่วไปแทบจะไม่สามารถกลืนเข้าไปได้
เหตุผลที่ยาสีฟันเด็กมักมาในหลอดเล็ก (เช่น 40 กรัม) ก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้ แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยากอยู่แล้ว

พิษสะสมระยะยาว (Chronic Toxicity)
กรณีที่ได้รับฟลูออไรด์เกินขนาดต่อเนื่องเป็นเวลานาน (มากกว่า 0.05-0.07 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน) อาจส่งผลให้เกิดฟันตกกระ (Dental Fluorosis) และถ้ามากกว่านั้นอย่างต่อเนื่องนานๆ อาจมีผลต่อกระดูก (Bone Fluorosis) ได้

ตัวอย่าง
- เด็กเล็กน้ำหนัก 10 กก. จะต้องได้รับฟลูออไรด์เกิน 5 มก.ต่อวัน เป็นเดือนหรือปี ถึงจะเกิดพิษสะสม
- น้ำดื่มที่มีฟลูออไรด์ 0.5 ppm จะให้ฟลูออไรด์ 0.5 มก.ต่อน้ำ 1 ลิตร
- นั่นหมายความว่า ต้องดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์มากถึง 10 ลิตรทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นปริมาณมากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะดื่มกัน

สรุป
- โอกาสได้รับฟลูออไรด์จนเกิดพิษเฉียบพลันแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องกลืนยาสีฟันปริมาณมหาศาลในคราวเดียว
- พิษสะสมเกิดขึ้นยากมากในชีวิตจริง เพราะต้องดื่มน้ำปริมาณที่มากเกินกว่าปกติเป็นระยะเวลานาน
ดังนั้น ฟลูออไรด์ในระดับเหมาะสมที่ใช้กันอยู่ปกติ ถือว่าปลอดภัยและให้ประโยชน์ในการป้องกันฟันผุอย่างมาก หากให้ใช้ตามคำแนะนำ ก็ไม่ต้องกังวลครับ

สรุปแล้วเราควรทำอย่างไร?
การใช้ฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมยังคงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก โดยเฉพาะในการป้องกันฟันผุ สำหรับผู้ที่กังวล ควรศึกษาและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณฟลูออไรด์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ และติดตามข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออยู่เสมอ

สุขภาพฟันที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลอย่างเหมาะสม อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดทำให้เราพลาดโอกาสในการป้องกันฟันผุและรักษาสุขภาพช่องปากของเราเองนะครับ”




กำลังโหลดความคิดเห็น