ใครกันแน่บิดเบือนคดีแตงโม ย้อนจับพิรุธคำพูด “คนบนเรือ” บวกกับคำตัดสินของศาลคดี “อัจฉริยะ” ถูกตำรวจฟ้องหมิ่นประมาท ที่ชี้ว่าการทำสำนวนมีพิรุธ เป็นที่มาของการจำลองเหตุการณ์เพื่อพิสูจน์ความจริงโดย “อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ-บอสณวัฒน์-หมอธวัชชัย” แต่ทนายความของ “แซน” กลับใช้วิธีฟ้องปิดปากด้วยข้อหาละเมิดอำนาจศาล ซึ่งล่าสุดศาลได้ยกคำร้อง
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือ นิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม) ซึ่งเมื่อวันพุธที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้นัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย 2 ปาก ประกอบด้วย "กระติก อิจศรินทร์" กับ "นายภีม" โดยในวันพุธ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำคัญก็คือ "ทนายตุ๋ย" นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ของ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หนึ่งในจำเลยในคดีนี้ ให้ข้อมูลว่า ได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล ใน 2 สำนวน
สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์, นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์, พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ซีอีโอบริษัทมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา
ส่วน อีกสำนวน เป็น กรณีของ นักอาชญวิทยาท่านหนึ่งคาดว่าจะเป็น รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงศ์ ภูตระกูล หรือ อ.โต้ง นักอาชญาวิทยา อาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ให้สัมภาษณ์ ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว ทนายพรศักดิ์ จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ด้วยเช่นกัน
นายสนธิกล่าวว่า เรื่องนี้มีประเด็นน่าสนใจอยู่ 3 ประเด็น คือ
หนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างมีพิรุธ มีเงื่อนงำ
โดยเงื่อนงำสำคัญมีมากมาย ได้แก่
1. บาดแผลขาขวาด้านใน
2. การหายไปของแตงโม หายเวลาไหนกันแน่?
3. ถ้าเพื่อนตกน้ำ ทำไมหลังจากออกหาแล้วกลับอู่เรื่อง แล้วไปที่อื่นเป็นชั่วโมง ไม่หาเพื่อน
4. การอ้างว่าแตงโฒฉี่ท้ายเรือ ผิดธรรมชาติ
5. ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่แตงโมตายไป ทนายโจทก์ และจำเลย ต่างพูดออกสื่อ ให้สัมภาณ์นักข่าวแบบเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
แม้แต่วันพุธที่ผ่านมา “ทนายเดชา” ซึ่งเป็นทนายโจทก์ คือ แม่แตงโม ก็อ้างอิงว่า “ทนายตุ๋ย” ทนายของแซน กำลังจะยื่นร้องศาลว่า ทีมงานนายอัจฉริยะ-อ.ปานเทพ และ อ.โต้ง มีการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่โดยแบ่งเป็น 2 สำนวน พูดง่าย ๆ ก็คือ ทนายโจทก์ และทนายจำเลย พูดคุยกันอย่างใกล้ชิดโดยตลอด
ที่สำคัญคือการหาความจริงได้ยากจากปากคนบนเรือ เพราะแต่ละคนพูดกลับไปกลับมา เช่น
วันที่ 17 มกราคม 2568 วันจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” โดยทีมงาน อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล และทีมมิสแกรนด์ไทยแลนด์ หลังการจำลองเหตุการณ์ “ปอ” ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ “แซน” วิศาพัช มโนมัยรัตน์ พร้อมทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยนาย “ปอ-ตนุภัทร” บอกว่า การจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ตรงกับลักษณะการตกเรือของ “แตงโม” ในช่วงเกิดเหตุ
นายดนุพร อ้างว่า นายแซน เล่าว่าทันทีที่ตกจากเรือ “แตงโม” ได้เกาะท้ายเรือไว้ประมาณ 10 วินาที ก่อนจะหลุดไป ซึ่งไม่ใช่การตกเรือในลักษณะดีดออกจากเรือตามที่กำลังจำลองเหตุการณ์กันอยู่ ระหว่างแถลงนายปอ หันไปถามนายแซนว่าตกยังไง นายแซนบอกว่า ตกไปแล้วเกาะ
อันเป็นข้อมูลใหม่ที่ต่างจากที่นายแซนเคยพูดเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า แบบกลับไปกลับมาโดย ครั้งแรก บอกแตงโมจับขาแล้วตกกราบเรือด้านซ้าย ครั้งที่ 2 บอกเจ็บตาถอดคอนแทกต์เลนส์ จำไม่ได้ว่าแตงโมใส่ชุดอะไร ตกเรืออย่างไร ?
คืนวันเดียวกัน “แซน” ก็ไปออกรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” แล้วเปลี่ยนอีก บอกว่าจะพูดเรื่องที่ไม่เคยพูดที่ไหน ก็คือ “แตงโมเดินมาฉี่ แล้วตอนลุกขึ้นมาแตงโมเอี้ยวตัวหันไปมองข้างหลังบอก “กระโปรงกูเปียก” แล้วก็เซ ตกลงไป เกาะกาบเรืออยู่ 2-3 วิแล้วหลุดไป” ?!?
ซึ่งเป็นคำพูด และข้อเท็จจริงที่ผิดแผกไปจากที่แซน วิศาพัช เคยให้สัมภาษณ์ ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่อย่างสิ้นเชิง !?!
นอกจากนี้ยังขัดแย้งกับคำพูดเมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2565 นายแซน ไลฟ์สดบอกว่า ตอนโมตกน้ำ โมไม่ร้อง ไม่มีเสียงอะไร วันนั้นโมเงียบมาก
แล้วทำไมวันนี้มาบอกว่า ก่อนตกแตงโมพูดว่า “กระโปรงกูเปียก” ???
คนก็เลยงง เข้ามาคอมเมนต์กันเต็มไปหมดว่า คนบนเรือ พูดหลายครั้งไม่เหมือนเดิมสักครั้ง
นอกจากนี้ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 หรือ 4 วันหลังจากที่แตงโมเสียชีวิต คนบนเรือ 4 คน ทั้ง กระติก, แซน, ปอ และจ๊อบ มาออกรายการโหนกระแส ตอน ไขปริศนา "แตงโม" ตกเรือเสียชีวิต วันนั้น “นายปอ” พูดเลยว่า ไม่เห็นเหตุการณ์ มัวดูวิวข้างหน้า ดูลม ฟังเพลง (แล้วทำไมตอนนี้บอก แตงโมตกเรือแล้วเกาะข้างเครื่องอยู่ 10 วินาที) “นายจ๊อบ” ก็บอกไม่ได้มอง
ส่วน “นายแซน” บอกว่าไปนั่งหลังเรือ หันหลังเพราะลมพัดตาเจ็บ พอแตงโมเดินมาฉี่ ตอนจะนั่งก็จับขานายแซน พอจะลุกแตงโมก็เสียหลัก เซไปทางด้านซ้ายที่มีกาบเรือ เกาะตรงนั้น แล้วพลิกตกลงไป
ทำไม “ปอ-ตนุภัทร” แถลงว่าการจำลองไม่ตรงกับคำให้การ ทั้งๆ ที่ทีมงานจำลองตามคำให้การของ “นายแซน” ในวันนั้นทุกประการ อีกทั้ง ในรายการวันนั้น เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นายแซน ยืนยันด้วยว่าแตงโมปัสสาวะ 100%
แต่พอเดือนมกราคม 2568 ในรายการเคลียร์ชัดชัด “บุ๋ม ปนัดดา” ถามนายแซนว่าแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือใช่ไหม ปรากฏ นายแซน กลับตอบว่า “ปัสสาวะมั้ย ไม่รู้ เพราะแซนไม่ได้ไปดูว่ามีน้ำออกมาหรือเปล่า” ทั้งที่เคยยืนยันว่าแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ 100%
สรุปคือแต่ละครั้งที่ “คนบนเรือ” ออกมาพูด ประชาชนจับสังเกตได้ว่าทำไมพูดไม่เหมือนกัน และถ้าความจริงมีหนึ่งเดียว พูดกี่ครั้งก็ควรจะเหมือนเดิม
เหล่านี้คือเงื่อนงำและพิรุธหลัก ๆ ที่ทำให้ผู้ที่มีความรู้ มีวิจารณญาณต้องการแสวงหาความจริง เป็นข้อพิรุธที่คนสงสัยกันทั้งประเทศ ถามคนที่ติดตามเรื่องราวอย่างใกล้ชิดมาหลายปี 90% ต่างก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ
สอง เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องละเมิดอำนาจศาล
การดำเนินการก็ทำไปตามคำให้การในศาล และคำพิพากษาของศาลเมื่อ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ในคดีดำหมายเลขที่ อ 2549/2566 คดีแดงหมายเลขที่ อ 3431/2567 ซึ่งศาลอาญา มีคำพิพากษาให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จำเลยที่ 1 นายวัชรไกรศร เหตุจรัส จำเลยที่ 2 และนายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิต จำเลยที่ 3 พ้นผิดจากคดีที่ถูกโจทก์ ซึ่งเป็นคณะนายตำรวจ ที่รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน คดี “แตงโม” รวม 21 นาย ฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทจากการแสดงความคิดเห็น เรื่องความไม่ชอบมาพากลของชุดทำคดี โดยศาลพิเคราะห์แล้วว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กับจำเลยร่วมอีก 2 คน แสดงความคิดเห็นด้วยข้อความอันสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม อยู่ในวิสัยของประชาชนที่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
นอกจากนี้ รายละเอียดของคำพิพากษา ที่ศาลเชื่อว่า โจทก์ ซึ่งหมายถึง พนักงานสืบสวนสอบสวน ทั้ง 21 นาย “ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้ผู้กระทำความผิดบนเรือ” จนทำให้ถูก นายอัจฉริยะ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานนั้นก็เพราะศาลท่านระบุชัดเจน ในสำเนาคำพิพากษา หน้าที่ 49 ว่า “... การร้องเรียน เอกสารหมาย ล.35 เห็นว่า ผู้เสียหายทั้ง 21 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจและคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน จะต้องพิทักษ์รักษาสันติราษฎร์ ปฏิบัติหน้าที่ให้ประชาชนเห็นถึงความโปร่งใส แม้ผู้เสียหายทั้ง 21 คน จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตเพียงใด แต่พยานหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการตายของผู้ตาย ซึ่งหมายถึง แตงโมล้วนมีพิรุธ มีเงื่อนงำ”
คำพิพากษาของศาลนนทบุรีครั้งแรก ที่ตัดสินเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ระบุว่าคนบนเรือนกระทำการโดยประมาท โดยศาลพิเคราะห์แล้ว นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง พิพากษาตัดสินให้จำคุก เป็นเวลา 5 ปี 8 เดือน ปรับเป็นจำนวนเงิน 128,000 บาท แต่จำเลยมีเจตนาจ่ายค่าชดเชยเยียวยาบรรเทาโทษแก่ผู้เสียหายหรือโจทก์ร่วม จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งและมีเหตุอันควรปราณี จึงพิพากษาให้จำคุกเหลือ 2 ปี 9 เดือนปรับเป็นเงิน 64,000 บาทและให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมกำหนดให้รายงานตัวและบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมสาธารณะ
ส่วน นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต จำเลยที่ 2 ศาลพิจารณาว่ามีความผิดตามฟ้องเช่นกัน และพิพากษาตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปี 4 เดือนและให้ปรับ 108,000 บาท แต่จำเลยมีเจตนาเยียวยาชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ จึงลดโทษให้กับเหลือโทษเป็นจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนปรับ 54,000 บาท และให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและสาธารณะเช่นกัน
ประเด็นก็คือ อัยการส่งไปอย่างไร ศาลก็ต้องตัดสินไปอย่างนั้น
ด้วยเหตุนี้ การทดสอบหาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่อาจารย์ปานเทพ นายอัจฉริยะ หมอธวัชชัยทำ ก็ทำไปตามคำพิพากษาเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา จากประเด็นที่ศาลยกฟ้องคุณอัจฉริยะ ในคดีที่ 21 พนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม แล้วจะละเมิดได้อย่างไร
สาม การฟ้องปิดปากสื่อก็เป็นการปิดกั้นการแสวงหาความจริง
ประมวลกฏหมาย การละเมิดอำนาจศาล ม.31 ว่าด้วยละเมิดในรั้วศาล ม.32 ว่าด้วยละเมิดในหนังสือพิมพ์ ไม่มีตัวบทกฏหมายมาถึงโซเชียลมีเดีย
“ซึ่งถ้าคนเหล่านี้ผิดจริง ไม่ว่าจะเป็นคุณอัจฉริยะ อาจารย์ปานเทพ คุณหมอธวัชชัย และ อาจารย์โต้ง แล้วการที่นายแซน นายปอ กับทนายตุ๋ย เดินสายออกอากาศหลายช่อง แถลงข่าวหลายครั้ง พูดถูก พูดผิด ไม่รู้โกหกไปอย่างไร พูดไม่เหมือนกันสักครั้ง ก็ต้องผิดยิ่งกว่า เพราะว่าพวกคุณทะลึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในคดีด้วย ยิ่งกว่าบุคคลภายนอกซึ่งเป็นสื่อมวลชน อย่างผม อย่างอาจารย์ปานเทพ และพรรคพวกอีก” นายสนธิ กล่าว
ในช่วงเย็นวันพุธที่ 29 มกราคมผ่านมาศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องของนายพรศักดิ์ ทนายความของ “แซน” จำเลยและคนบนเรือ ที่ขอให้ไต่สวน นายอัจฉริยะ- อ.ปานเทพกรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ปรากฎว่า นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ กล่าวหลังออกจากศาลว่า ในการสืบพยานวันนี้ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดิมไปตามปกติทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีที่มีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ขอยังไม่ขอให้ข้อมูล
“วันนี้ผมมายื่นคำร้องศาลขอให้ท่านพิจารณาเรื่องละเมิดอำนาจศาล วันนี้ศาลได้พิจารณาตามคำร้องของผมแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่เรียกผู้ที่ถูกร้องมาไต่สวน แต่ศาลได้รับทราบและเริ่มนับหนึ่งจากวันนี้ไปว่า หลังจากนี้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ศาลจะพิจารณาและใช้ดุลยพินิจต่อไป นี่คือคำสั่งที่ออกมาตามนี้ ผมก็เลยมาแจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องอื่นๆ ขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน เนื่องจากศาลกำชับมาว่าไม่ให้มีการเผยแพร่เรื่องกระบวนพิจารณาอะไรในคดีนี้กับทางสื่อมวลชนอีก ... ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ เพราะศาลกำชับมา” นายพรศักดิ์ กล่าว
ปรากฎว่าไม่กี่อึดใจหลังจาก “ทนายตุ๋ย” ให้สัมภาษณ์ อ.ปานเทพ ในฐานะผู้ที่ร่วมจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต ก็เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า “ทนายตุ๋ยควรจะพูดให้ชัดๆ สรุปคือศาลยกคำร้องเพราะพวกเราไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของทนายตุ๋ย และเตือนไม่ให้ทนายจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีในศาล”
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ยกคำร้องกรณีที่นายพรศักดิ์ ทนายความของนายวิศาพัช หรือแซน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีนายอัจฉริยะและคณะจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของนายพรศักดิ์แต่อย่างใดนั่นเอง
“คุณพรศักดิ์ครับ คุณตุ๋ยครับ คุณแซนครับ ผมไม่ใช่ทนาย แต่ผมขึ้นศาลมามาก ทำให้ผมรู้ คำว่า "ศาลยกคำร้อง" พูดตามภาษาแถวบ้านผมก็คือว่า เรื่องที่มึงยื่นมานั้น "ไร้สาระ" พวกนี้ไม่ผิด "ไร้สาระ" เข้าใจหรือเปล่า ทนายตุ๋ย "การยกคำร้อง" แถวบ้านผมเขาเรียกว่า "ไร้สาระ" แต่ศาลท่านเป็นผู้พิพากษา ท่านก็ใช้ศัพท์ทางศาลว่า ให้ยกคำร้อง ก็คือว่าที่มึงร้องมานั้น ร้องกี่ครั้ง มันไร้สาระ ให้ยกให้หมด คุณยังจะมารักษาทีท่าให้คุณเท่ต่อไปได้อย่างไร ก็ถ้าศาลยกคำร้องก็คือว่า เรื่องที่คุณส่งไปให้ศาลพิจารณาเรื่องละเมิดนั้น ไร้สาระ
“...คุณพรศักดิ์ ผมภาวนาให้ดีเอสไอรับเรื่องนี้เข้าไป แล้วผมเชื่ออย่างหนึ่งนะครับ คุณวิศาพัช คุณแซน ทนายพรศักดิ์ นายปอ คุณไม่เชื่อเหมือนผม ไม่เป็นไร เวรกรรมมันมีจริง ใครทำอะไรแตงโมไว้ เวรกรรมตามถึงพวกมึงแน่นอน ไม่ต้องห่วง ถึงแน่นอน ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัจจะวาจาตรงนี้ว่า ต้องถึงแน่นอน” นายสนธิกล่าว